“เทพไท” ชี้ โครงการคนละครึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่ชาวบ้านจะหาเงินอีกครึ่งมาจากไหน จี้รัฐเร่งแก้ให้ทำมาหากินได้
วันที่ 26 ม.ค.65 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัว ข้อความว่า จากการที่ ครม. ได้มีมติอนุมัติโครงการ คนละครึ่งเฟส 4 กรอบวงเงิน 34,800 ล้านบาท ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
ซึ่งสามารถนำเงินจากโครงการคนละครึ่ง ไปใช้จ่ายเป็นค่าอาหาร , เครื่องดื่ม , สินค้าทั่วไป รวมทั้ง บริการนวดสปา , การทำผม , การทำเล็บ และ บริการขนส่งสาธารณะจากภาครัฐ อัตราร้อยละ 50 โดยไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกินคนละ 1,200 บาท จะเริ่มโครงการตั้งแต่ 1 ก.พ.-30 เม.ย.65 ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าถึงสิทธิ์ 29 ล้านคนนั้น
ส่วนตัวเห็นว่าโครงการคนละครึ่ง สามารถช่วยเหลือค่าครองชีพ ให้กับพี่น้องประชาชนได้ไม่มากก็น้อย ดูจากข้อมูลโครงการคนละคนละครึ่งเฟส 1-เฟส 3 พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ นำเงินไปใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม หรือค่าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันเป็นส่วนใหญ่ นับว่าเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงวิกฤตโควิด-19 เช่นนี้
แต่อยากจะตั้งข้อสังเกต เรื่องรายได้ และเงินในกระเป๋าของประชาชนด้วย เพราะนับตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 เป็นต้นมา ประชาชนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ เกิดภาวะการตกงาน ปิดกิจการ ไม่สามารถค้าขายได้ ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่ง ไม่มีเงินที่จะนำมาสมทบในโครงการคนละครึ่ง เห็นได้จากโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ที่เปิดกรอบจำนวนผู้เข้าถึงสิทธิ์ไว้ 27 ล้านคน กว่าจะมีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ครบตามเป้าหมาย ต้องใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า ประชาชนไม่มีเงินในส่วนที่ต้องควักกระเป๋าเองอีก 50% ของโครงการคนละครึ่ง
“จึงอยากจะให้รัฐบาลได้นำข้อมูลดังกล่าว ไปวิเคราะห์ และแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องของประชาชนโดยเร็ว เพราะถ้าหากประชาชนสามารถประกอบธุรกิจได้ตามปกติ และมีเงินมีรายได้เพียงพอกับการใช้จ่าย รัฐบาลก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีโครงการคนละครึ่งในเฟสต่อไปอีกแล้ว”นายเทพไท กล่าว