”คุณหญิงสุดารัตน์”ลุย เยาวราช ฟังเสียงพ่อค้าแม่ขายก่อนตรุษจีน พบ คนซื้อลดปริมาณ เลี่ยงซื้อของแพง ทำยอดขายลด จี้รัฐเร่งฟื้นเศรษฐกิจ ลดต้นทุนการผลิต ลดภาษีน้ำมัน ช่วยคนไทยผ่านวิกฤต
ที่ตลาดเก่าเยาวราช คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย ดร.สุวดี พันธุ์พานิช ว่าที่ผู้สมัครส.ส. เขต 1 และนายศรัณยู คงสวัสดิ์เกียรติ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เขต สัมพันธวงศ์ พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่ย่านตลาดเก่าเยาวราช เตรียมจับจ่ายซื้อหาสิ่งของต่างๆ เนื่องในวันตรุษจีน พร้อมเยี่ยมทักทายพ่อค้าแม่ขาย หลังต้องเผชิญวิกฤตทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19
โดยพบว่า พี่น้องประชาชนยังออกมาจับจ่ายเหมือนเช่นทุกปี เนื่องจากการไหว้เจ้าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สำคัญ ของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน แต่คนซื้อของในปริมาณลดลง และหลีกเลี่ยงสินค้าที่มีราคาแพง ขณะเดียวกันได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น จากพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน รวมถึงได้รับความเมตตาจากพี่น้องพ่อค้าแม่ขายมอบของกินของใช้ฝากไปรับประทานหลายร้าน
เช่นที่ ตลาดเก่าเยาวราช ภายในชุมชนเล่งบ้วยเอี๊ยะ คุณหญิงสุดารัตน์ เดินจับจ่ายในหลายร้านค้า พร้อมสอบถามถึง ราค้าสินค้าแต่ละประเภทพบว่า ราคาหมู ราคาเนื้อสัตว์ น้ำมันปาล์ม และแป้ง มีราคาสูงขึ้น จึงทำให้กระทบกับต้นทุนการผลิตมากที่สุด เพราะน้ำมันปาล์ม และแป้ง เป็นวัตถุดิบสำคัญในการประกอบอาหาร หากต้นทุนเหล่านี้ขึ้นราคา อาหารประเภทก็จะขึ้นราคาตามอย่างแน่นอน
ผู้ค้าบางรายได้สะท้อนความเดือดร้อนให้คุณหญิงสุดารัตน์ ฟังว่า ราคาน้ำมันพืชสูงขึ้นอย่างมาก จากเดิมเคยซื้อ ราคาปี๊บละ 640 เพิ่มเป็น 745 บาท ราคาหมู เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20-30 เปอร์เซ็นต์ ราคาไก่บ้านตัวละ 500 ราคาไก่เนื้อตัวละ 300 ปรับขึ้นมาจากเดิม ตัวละ 50บาท ส่วนแป้งก็ขึ้นราคา ทำให้ต้นทุนในการผลิตอาหารเพิ่มขึ้น อย่างขนมเทียน ขนมเข่ง หรือ กานาฉ่าย เพิ่มเช่นกัน จากเดิมกิโลกรัมละ 120 บาท ขึ้นเป็น 140 บาท
ทั้งหมดสอดคล้อง กับการเปิดเผยผลสำรวจ จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งพบว่าคาดการณ์เงินสะพัดช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2565 อยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท ติดลบ 11.82% เทียบกับปีก่อน ที่มีมูลค่า 4.4 หมื่นล้านบาท มูลค่าการใช้จ่ายต่ำสุดในรอบ 11 ปี หดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และมีมูลค่าต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี ซึ่งถือว่าการจับจ่ายใช้สอยช่วงตรุษจีนปีนี้ไม่คึกคัก
ดังนั้นแนวทางในการฟื้นเศรษฐกิจ ให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตช่วงนี้ไปได้ รัฐต้องแก้ที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะการลดต้นทุนการผลิต เช่นราคาน้ำมันในขณะนี้ มีราคาสูงเกินกว่าที่ประชาชนจะแบกรับไว้ได้ ประกอบกับความเดือดร้อนจากวิกฤตการณ์โควิด ยิ่งซ้ำเติมความทุกข์ร้อนของประชาชนให้หนักยิ่งขึ้น เพราะราคาน้ำมันเกี่ยวข้องกับทุกคนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
การที่ราคาน้ำมันสูงขึ้น จะทำให้ค่าขนส่งสูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าทุกอย่างสูงขึ้นตามไปด้วย ประชาชนทุกคนย่อมได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น การลดภาษีน้ำมันที่ปัจจุบันเก็บเกือบลิตรละ6บาท ให้เหลือประมาณ 25 บาทต่อลิตร จะช่วยลดต้นทุนรายจ่ายของคนไทย ไม่ให้ประชาชนต้องประสบความเดือดร้อน ไม่ต้องกู้หนี้ยืมสิน มารับมือผลกระทบจากการบริหารของรัฐบาล