“เรืองไกร” ร้อง ป.ป.ช.สอบ “เอกราช ช่างเหลา”ซุกหนี้ 431 ล้านบาทหรือไม่ หลังย้ายเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย
เมื่อวันที่ 17 ก.พ.65 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ถูกขับออกจากพรรค พปชร. ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย ว่ามีการปกปิดหนี้สหกรณ์ฯ จำนวน 431 ล้านบาทหรือไม่
โดยเมื่อ 2 วันที่ผ่านมามีข่าวปรากฏเกี่ยวกับ “นายเอกราช มีสมบัติ 535 ล้านบาท ซบ ภท. ล้างหนี้สหกรณ์ครู 431 ล้าน” ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้ตนสนใจและย้อนตรวจสอบหนี้จำนวนดังกล่าว พบข่าวที่เกี่ยวข้องสรุปได้ว่า หนี้จำนวน 431 ล้านบาท มีการฟ้องเป็นคดีต่อศาลจังหวัดขอนแก่น ในคดีหมายเลขดำที่ 258/2564 โดยมีข้อเท็จจริงว่า นายเอกราช กับพวก ร่วมกันยักยอกทรัพย์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด โดยการเบิกเงินจากบัญชีฝากประจำธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาดินแดง เลขที่บัญชี 144-101918-9 ซึ่งมีเงินหายไปจำนวน 431,862,070 บาท ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2554 ประกอบกับนายเอกราช ให้การ “รับสารภาพ” ในข้อหายักยอกทุกข้อกล่าวหา และลงนามในสัญญา “รับสภาพหนี้” เพื่อชดใช้เงินจำนวนดังกล่าว และมีการร้องต่อ ป.ป.ช. ประจำจังหวัดขอนแก่น ขอให้สอบจริยธรรมและลงโทษ นายเอกราช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อไปตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายเอกราช ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ณ วันที่ 25 พ.ค. 2562 พบว่า นายเอกราช ยื่นรายการทรัพย์สินและหนี้สินไว้ ดังนี้ ทรัพย์สินรวม 535,003,482.89 บาท หนี้สินรวม 50,309,762.26 บาท ซึ่งหนี้สินรวมมี 2 รายการ คือ เงินเบิกเกินบัญชีจากธนาคารกสิกรไทย 309,762.26 บาท กับเงินกู้จากบริษัท ทีทีแอล แคปปิตอล จำกัด 50,000,000 บาท ซึ่งจากข้อเท็จจริงตามข่าวข้างต้นประกอบกับหนี้สินที่นายเอกราช แจ้งต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. ณ วันที่ 25 พ.ค. 2562 จะเห็นได้ว่า ในรายการหนี้สิน ไม่มีการแจ้งหนี้จำนวน 431 ล้านบาทเศษ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2554 ไว้แต่อย่างใด
“ การรับสภาพหนี้จำนวนดังกล่าว จึงเป็นหลักฐานที่อาจแสดงให้เห็นว่า นายเอกราช ไม่ได้แจ้งหนี้จำนวน 431 ล้านบาทดังกล่าว กรณีจึงมีเหตุร้องขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบโดยเร็วว่า นายเอกราช ปกปิดรายการหนี้สินจำนวนดังกล่าวหรือไม่”นายเรืองไกร กล่าว