พระรามประยุทธ์!! “ยุทธพงศ์” จี้ใจดำ “บิ๊กตู่ “เป็นหนี้เจ้าสัวรีบใช้ แต่หนี้ปชช.ไม่เห็นเดือดร้อน คาดคั้นสายสีเขียวจะพาครม.ติดคุก เจอนายกฯสอนมารยาทกลับ “สำเนียงส่อภาษา กริยาส่อสกุล รู้จักให้เกียรติคนอื่นบ้าง เป็นส.ส.แต่ทำตัวเหมือนนักเลงข้างถนน”
วันที่ 18 ก.พ.65 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 เพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อ ครม. วันที่สอง ต่อมา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า รถไฟฟ้าสายสีเขียวมูลค่า 4 แสนล้านบาท ที่จะต่อขยายสัมปทาน 40 ปี จะพารัฐบาลพัง พารัฐมนตรีติดคุกทั้งครม. เนื่องจากกระทำผิดกฎหมาย ขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวล่วงหน้า 37 ปี ถึงปีพ.ศ.2602 โดยอ้างคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2562 เป็นใบเบิกทางทำความผิด ยกเว้นกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายเดียว ขณะที่กระทรวงคมนาคมบอกว่า ถ้ายังไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย พรรคภูมิใจไทยจะคัดค้านเหมือนเดิม พระรามประยุทธ์ (พล.อ.ประยุทธ์) จงใจทำผิดกฎหมาย จงใจทำผิดสัญญาสร้างหนี้ 3.7 หมื่นล้าน โดยไม่มีกฎหมายรองรับ ด้วยการจ้างบีทีเอสวิ่งรถจนเกินหนี้ก้อนแรก 2 หมื่นล้าน แล้วปล่อยให้ประชาชนนั่งฟรีโดยไม่เก็บค่าโดยสารตั้งแต่ปี 2561 เป็นหนี้ก้อนที่ 2 จำนวน 1.7 หมื่นล้าน วันนี้ท่านหาเหตุยกสัญญาสัมปทานให้เขา เพราะบอกว่าเป็นหนี้ไม่รู้จะทำอย่างไร ตนขอบอกว่าเป็นการจัดฉากสร้างหนี้ ปล่อยให้เกิดหนี้ 3.7 หมื่นล้านแล้วเปิดทางให้บีทีเอสเสนอขอแลกหนี้กับการขยายสัมปทานล่วงหน้าไป 37 ปี ตนมีข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยรอถึงปี 2572 รัฐบาลเอาสัมปทานกลับมาเป็นของรัฐ เพื่อให้ค่าโดยสารถูกลง เพราะรัฐเป็นเจ้าของไม่ต้องหากำไร แล้วให้ รฟม.ดำเนินการเจ้าเดียวไปได้ทุกสายไม่ต้องเสียค่าแรกเข้า ส่วนหนี้ 3.7 หมื่นล้าน ทำไมเดือดร้อนนักหนาต้องรีบเอาเข้าครม.ต่อสัมปทานให้เขา อยากให้ไปดูชาวบ้านที่ราคาข้าวตกต่ำพระรามประยุทธ์ ไม่เห็นเดือดร้อน ทีเป็นหนี้เจ้าสัวทำไมเดือดร้อนเป็นหนี้ชาวบ้านไม่คิดถึงชาวบ้านหรือ ที่ประชาชน
“ถ้าพระรามประยุทธ์ กล้าทำผิดกฎหมายต่อสัมปทานให้บีทีเอส ผมขอประกาศ 22 พ.ค.65 เปิดสภาฯ พบกับการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 แล้วพระรามประยุทธ์ จะรู้ว่านรกมีจริง แล้วพระรามประยุทธ์ แน่จริงอย่ายุบสภาฯหนี แล้วผมจะโชว์หลักฐานให้พระรามประยุทธ์ดูว่า 151 พร้อมแล้ว วันนี้ 152 จึงยังไม่ลงละเอียดในสัญญาว่ามันผิดกฎหมาย แล้ววันนี้พระรามประยุทธ์ กำลังจะพารัฐมนตรีติดคุกทั้งครม. ทำไมวันนี้ต้องทิ้งทวนไม่รอผู้ว่าใหม่มาตัดสินใจอนาคตของคนกรุงเทพฯ ท่านไปตัดสินใจแทนเขาทำไม ดังนั้นผมไม่สามารถไว้วางใจพระรามประยุทธ์ให้บริหารราชการแผ่นดิน”นายยุทธพงศ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการอภิปรายนายยุทธพงศ์ ได้ใช้น้ำเสียงดุดัน ใช้ถ้อยคำเชิงคาดคั้น ให้พล.อ.ประยุทธ์ ต้องมาร่วมฟังอยู่บ่อยครั้ง พร้อมทั้งคาดคั้นให้ชี้แจงในประเด็นที่อภิปรายไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังนายยุทธพงศ์อภิปรายจบ พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงทันทีว่า จากคำกล่าวของส.ส.เมื่อสักครู่นี้ ตนก็พยายามฟังทุกวัน วันนี้เป็นเรื่องของการให้รัฐมนตรีมาฟัง ในเรื่องของคำแนะนำในการปฏิบัติหน้าที่ในทุกเรื่อง แต่กริยาที่ท่านแสดงออกมานั้น ไม่น่าฟังไม่น่าดูเลย เพราะฉะนั้นกรุณารักษามารยาทด้วย รู้จักให้เกียรติคนอื่นเขาด้วย ตนคิดว่าท่านถูกเขาเรียกว่าส.ส.ผู้ทรงเกียรติ แต่ถ้าทำตัวแบบนี้ เหมือนนักเลงข้างถนน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขอบคุณในข้อห่วงใยในเรื่องของการแก้ปัญหาเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งก็รับฟังคำแนะนำและข้อห่วงใยต่างๆนำไปสู่การหารือ เพราะทั้งหมดเรื่องนี้ตอนนี้อยู่ในกระบวนการที่จะต้องนำผลการพิจารณาต่างๆ ทั้งร่างสัญญารวมลงทุนต่างๆ ที่นำมาเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)นั้น ครม.จะได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย และหลักการบริหารบ้านเมืองที่ดี รอองบคอบและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน และเราต้องคำนึงถึงภาระการเงินขของรัฐที่จะต้องรับผิดชอบต่อไปด้วย ไม่ได้มุ่งงหมายว่าจะไปเอื้อประโยชน์กับใครหรือต้องการที่จะทิงทวนอย่างที่กล่าวหา
“กรุณาให้เกียรติกันบ้าง ผมไม่เคยไปก้าวล่วงอะไรท่านมากมายขนาดนี้ การใช้คำพูด ใช้กริยาที่ไม่เหมาะสม สำเนียงส่อภาษา กริยาส่อสกุล” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาความยากจน ตนเน้นให้ความสำคัญกับประชาชนทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการลดหนี้ภาคครัวเรือน และปัญหาเรื่องที่ดี หลายคนพูดว่านายกฯ ไม่เคยลำบาก ไม่เคยเป็นหนี้ ตนเคยลำบากมาเหมือนกัน ตนก็เป็นคนคนหนึ่งที่เติบโตแบบคนทั่วไป เช่นเดียวกับพวกท่าน เคยเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ต้องทำงานแลกเงินเดือนแบบมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งเหมือนกัน อยู่ท่ามกลางความเสี่ยง ซึ่งก็มีค่าตอบแทนไม่มากนัก ฉะนั้นตนย่อมเข้าใจว่าความยากลำบากเป็นอย่างไร ถ้าเรามองความยากลำบากเป็นรายคน รายครอบครัวก็แน่นอนว่าต้องมีความแตกต่างกันอยู่ แต่รัฐบาลก็พยายามในการที่จะทำให้คนเหล่านั้นสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้และมีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นคำกล่าวที่ว่ารัฐบาลไม่มีการสร้างแผนงานระยะกลาง ระยะยาว โดยให้แต่บัตรสวัสดิการ และโครงการคนละครึ่งนั้น คงไม่ใช่ลักษณะนี้อย่างเดียว ตนได้เตรียมแผนงานระยะปานกลาง ระยะยาวไว้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาทุกปัญหาที่มีมาในอดีตจนถึงปัจจุบัน บางเรื่องต้องใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องดำเนินการกลไกลในการแก้ปัญหา หาวิธีการกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนใหญ่มักจะไม่ได้รับการแก้ไขเนื่องจากเป็นงานที่ยาก แต่ตนทิ้งไม่ได้ เพราะนี่คือประชาชนของเรา คนไทยของเรา ตนเข้าใจดีว่าประชาชนยากลำบากเดือดร้อน เพราะเป็นช่วงโควิด ต้องเดือดร้อนเป็นพิเศษ จะมาบอบกว่ารัฐบาลไม่สนใจก็ไม่ถูกต้อง
“สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมานี้ เมื่อเกิดก็ต้องแก้ไข แต่ต้องหาวิธีแก้ไขที่ดีที่สุด เพื่อผลประโยชน์ของชาติและประชาชน เพราะผมพูดอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นจะพูดอะไรกันออกมา กรุณาระวังสักนิด อย่างน้อยก็ให้เกียรติซึ่งกันและกันบ้าง อย่าพูดในทำนองดูถูกเหยียดหยาม ซึ่งผมพยายามอดทนอดกลั้นเต็มที่แล้ว ขอเรียนให้ทราบเท่านี้ ผ่านประธานสภาฯไปยังสมาชิกผู้ทรงเกียรติทุกท่าน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับท่าน ว่าจะเป็นอย่างไร “พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว