วันอาทิตย์, กันยายน 29, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight‘เทพไท’ฟันธงกมธ.ผ่านฉลุยเปิดกาสิโน เป็นระดับนโยบาย-รัฐบาลต้องตัดสินใจ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘เทพไท’ฟันธงกมธ.ผ่านฉลุยเปิดกาสิโน เป็นระดับนโยบาย-รัฐบาลต้องตัดสินใจ

“เทพไท” ฟันธงเปิดคาสิโน กมธ.ผ่านฉลุย เตือนระวังตกม้าตายในขั้นทำประชามติ ชี้เป็นเรื่องในระดับนโยบาย ที่รัฐบาลจะต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง


เมื่อวันที่ 19 มี.ค.65 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) การจัดเก็บรายได้ และภาษีจากธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมาย และมาตรการในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาบ่อนการพนันผิดกฎหมาย การแพร่ระบาดของตู้เกมพนันไฟฟ้า และการพนันออนไลน์ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง การพิจารณาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ว่าได้เชิญ ดร.ณัฐกร วิทิตานนท์ นักวิจัยศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน และอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มานำเสนอข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการฯ โดยมีข้อสรุปและข้อสังเกต ถึงสภาพปัญหาการจัดตั้งสถานบันเทิงแบบครบวงจร ใน 3 ประเด็น คือ

1.ข้อเท็จจริงปรากฏว่าในอาเซียนมีคาสิโน จำนวนที่เยอะมาก รวมแล้วเกือบ 400 แห่ง ตั้งอยู่ใน8ประเทศ มีแค่3ประเทศเท่านั้น ที่ไม่มีคาสิโน คือ บรูไน อินโดนีเซีย และไทย จุดร่วมที่มีเหมือนกัน หนีไม่พ้นต้องการดูดเงินชาวต่างชาติ เสียยิ่งกว่าการป้องกันเงินไหลออกนอกประเทศ มีเพียง 2 ประเทศเท่านั้น ที่ยอมให้คนสัญชาติตัวเอง เข้าเล่นได้โดยปราศจากเงื่อนไขควบคุม ได้แก่ ฟิลิปปินส์ ติมอร์เลสเต

2.แนวโน้มที่ได้เห็นชัดเจน คือ จำนวนคาสิโน ทั้ง 7 ประเทศในอาเซียน ที่ยอมรับให้คาสิโนถูกกฎหมายลดลง ทั้งจากมาตรการทางกฎหมายที่ต้องการจัดระเบียบธุรกิจพวกนี้ เช่น เมียนมานโยบายจำกัดจำนวนโดยรัฐ ซึ่งมีอยู่แล้ว เช่น สิงคโปร์ รวมถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ จากสถานการณ์โควิดโดยเฉพาะกัมพูชา

3.ต้นแบบการสร้างแหล่งบันเทิงครบวงจร ทีมีคาสิโนเป็นจุดขาย เพื่อดึงดูดนักพนันต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน อาจไมใช่สตูรสำเร็จในการแสวงหา รายได้เข้าประเทศง่ายๆอีกแล้ว เนื่องด้วยปัจจัยจากจีน ประกอบกับในภูมิภาคมีภาวการณ์แข่งขันกันเองของธุรกิจกลุ่มนี้สูง

สำหรับความเห็นของตัวแทนสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีความเห็นว่า การอนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ไม่อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ จึงไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียด และหลักการจะพิจารณาเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร นอกจากจะคำนึงถึงรายได้เข้าประเทศแล้ว จะต้องคำนึงถึงผลกระทบในด้านสังคมด้วย ว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่

ส่วนตัวเห็นว่าการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ตอนนี้ยังมีความเห็นแตกต่างกัน 2 กลุ่ม คือมีทั้งฝ่ายสนับสนุน และฝ่ายคัดค้าน หากนำเรื่องนี้ไปทำประชามติ ไม่มั่นใจว่าเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยหรือไม่ แต่ถ้าใช้มติของคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ตัดสิน เชื่อว่าเสียงส่วนใหญ่สนับสนุน ให้มีการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจรแน่นอน ซึ่งเป็นเรื่องในระดับนโยบาย ที่รัฐบาลจะต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไป

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img