“ไตรรงค์”เผยคนลาออกจากปชป.ฟ้อง “จุรินทร์” ใจแคบเอาแต่พวกพ้อง -ระแวงคนมีอำนาจชักใยอยู่เบื้องหลัง แนะรักพรรคต้องหนักแน่น ไม่ใช่ลาออกทิ้งไป
วันที่ 19 มี.ค.65 ที่รร.แคนทารีฮิลล์ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษา หัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวบรรยายพิเศษตอนหนึ่งในงานสัมมนา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ว่า การรวมกลุ่มของนักการเมือง หากไม่มีอุดมการณ์ที่แน่วแน่มั่นคง ไม่คำนึงถึงประโยชน์ของสังคมและประเทศชาติ ก็เป็นแค่กลุ่มการเมือง ที่หวังผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่พรรคการเมือง ดังนั้นอุดมการณ์ของพรรคถือเป็นสิ่งสำคัญ และคนจะมารวมกันได้ต้องมีอุดมการณ์ที่ตรงกันก่อน ต้องเห็นพร้องต้องกันถึงจะมารวมกัน ไม่ใช่เห็นแก่ประโยชน์หรืออามิสสินจ้าง อย่างนี้ไม่ใช่พรรคการเมือง
“ในช่วงหลังคนลาออกจากพรรคฯไปหลายคน ต้องยอมรับว่าบางคนมาหาผมถึงบ้าน บางคนโทรศัพท์มาเล่า ผมได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่าเขาเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ว่าการบริหารงานในพรรคใจแคบ มีการดูเฉพาะกลุ่มคนของนายจุรินทร์ บางคนก็บอกว่าระแวงว่า ในช่วงสมัยของทั้งคุณอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ และคุณจุรินทร์ มีอำนาจแฝงชักใยอยู่เบื้องหลังที่มีอำนาจมากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมรับฟังมา แต่สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง หรือเกิดขึ้นจริงก็ได้ แต่เป็นสิ่งที่กินใจคนเหล่านั้น ถ้าเรารักพรรคประชาธิปัตย์ เราก็ควรต้องหนักแน่น และแก้ไขปัญหาภายในพรรค ไม่ใช่ลาออกทิ้งพรรคไป”นายไตรรงค์ กล่าว
นายไตรรงค์ กล่าวต่อว่า สิ่งเหล่านี้ เราจำเป็นต้องรับฟังให้ความสำคัญ และนำมาแก้ไขปรับปรุงภายในพรรคของเรา เหมือนยุคหนึ่งที่นายควง อภัยวงศ์ เป็นหัวหน้าพรรค และได้เชิญ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตหัวหน้าพรรค มาหารือกัน โดย ม.ร.ว.เสนีย์ บอกว่าพรรคการเมืองตั้งขึ้นโดย “3 อ.” คือ 1.อำนาจ ที่สั่งโดยนักการเมือง 2.อามิส คือการให้เงินไปซื้อส.ส.มารวมกัน 3.อุดมการณ์ ดังนั้นถ้าพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นไม่มีอุดมการณ์ มีแค่อำนาจและอามิส ที่สุดแล้วพรรคนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อหมดอำนาจหรืออามิส พรรคเหล่านั้นก็ต้องสูญสลายไปเหมือนผึ่งแตกรัง ซึ่งเป็นรังผึ่งที่ไม่มีนางพญาอยู่ แต่ประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ ดังคำพูด ม.ร.ว.เสนีย์พูดเอาไว้ เมื่อประชาธิปัตย์อายุ 12 ปี ซึ่งปัจจุบันประชาธิปัตย์มีอาอยุถึง 76 ปีแล้ว