“อัศวิน” มั่นใจพร้อมสู้สนามเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม. สานงานเก่าพร้อมชูนโยบาย คนกรุงเทพฯต้องปลอดภัย สงบสุข และต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เมื่อวันที่ 31 มี.ค.65 ที่บริเวณลานพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ถนนมิตรไมตรี แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร บรรยากาศการรับสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานครวันแรกเป็นไปอย่างคึกคัก มีบรรดากองเชียร์ของทีมผู้สมัครร่วมเดินทางมาประจำการจับจองพื้นที่ด้านหน้าและคอยส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจผู้สมัครของตัวเองท่ามกลางแนวทางมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง บุตรชาย และทีมงานเดินทางมาถึงที่อาคารไอราวัตพัฒนา โดย พล.ต.อ.อัศวิน ให้สัมภาษณ์ว่า มีความพร้อมสำหรับเลือกตั้งครั้งนี้ รวมถึงมีความพร้อมในการสานต่องานเก่าที่ได้ทำไว้แล้วแต่ยังไม่จบและอยากทำสิ่งที่เหลือให้ก้าวหน้าต่อไป อยากให้ประชาชนมีความสุข มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นี่คือเหตุผลที่มาลงสมัครแข่งขันครั้งนี้
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวอีกว่า เราทำงานมาแล้ว ผลงานเป็นที่ประจักษ์ว่าเราทำอะไรไปบ้าง และอยากทำต่อให้จบ ส่วนพรรคการเมืองหรือใครที่สนับสนุนตนก็ยินดีและขอบคุณทุกคน ตนไม่มีพรรค มีแต่พวก นโยบายหลักของเราคือ คนกรุงเทพฯต้องปลอดภัย สงบสุข และต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สำหรับประเด็นคำถามที่มองว่า 5 ปีที่ผ่านมา ทำไมไม่ทำ พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า 5 ปีที่ผ่านมา แล้วตนทำมาตลอด ขอถามกลับแล้วคนที่เป็นผู้ว่าฯกทม.ก่อนหน้านี้หลายสิบปีทำไมไม่ทำ มีแต่นโยบายสวยหรู
อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลที่เคยเป็นผู้ว่าฯกทม.ที่มาจากการแต่งตั้งแล้วมาสู่เวทีการแข่งขัน ซึ่งมีความมั่นใจและอยากมาสู้ในระบบการเลือกตั้งเพื่อเข้าไปสานต่องานเดิมเพื่อประชาชน
ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ได้เวลาที่เราจะคืนเมืองที่คนเท่ากัน ให้กับพวกเราทุกคน 22 พฤษภา ออกไปกาให้คนเท่ากัน ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯกทม จะต้องดึงสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวมาเปิดเผย ปัญหาโรงขยะที่อ่อนนุช เขตประเวศ ลาดกระบัง สวนหลวง ที่สร้างปัญหาให้กับคนกรุงเทพเป็นแสนๆคน โดยที่ประชาชนก็สงสัยว่าบริษัทที่รับเหมาเป็นเครือข่ายของ คสช.หรือเป็นกรรมการนายทหารระดับสูง ก็ต้องไปตรวจสอบดูที่สัญญาผู้รับเหมา เราต้องบริหารให้คนกรุงเทพได้รับธรรม