รมว.กลาโหมยืนยัน “ปราสาทตาควาย” คือเขตอธิปไตยของไทย ชี้เดินหน้า 5 ภารกิจเร่งด่วนร่วมกัมพูชา ทั้งถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด สร้างรั้วชายแดน และปราบสแกมเมอร์ ย้ำใช้สันติวิธีเป็นหลัก แต่ไม่ปฏิเสธการใช้กำลัง หากจำเป็นเพื่อปกป้องแผ่นดิน
เมื่อวันที่ 6 พ.ย.พล.อ.ณัฏฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ถึงกรณีพื้นที่ “ปราสาทตาควาย” อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ว่า ยืนยันชัดเจนว่าเป็นเขตอธิปไตยของประเทศไทย แต่ในช่วงนี้รัฐบาลไทยและกองทัพจะดำเนินการตามข้อตกลงร่วมกับฝ่ายกัมพูชาใน 5 ภารกิจสำคัญ เพื่อรักษาความสงบและป้องกันปัญหาชายแดน
พล.อ.ณัฏฐพล ระบุว่า งานเร่งด่วนลำดับแรกคือ การถอนอาวุธหนัก ออกจากพื้นที่ เพื่อป้องกันเหตุปะทะที่อาจสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนทั้งสองประเทศ ถัดมาคือ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นปัญหาที่สืบเนื่องมายาวนาน โดยที่ผ่านมามีกำลังพลไทยได้รับบาดเจ็บถึงขั้นขาขาดจากกับระเบิดหลายราย จึงได้เร่งรัดให้ฝ่ายกัมพูชาร่วมดำเนินการอย่างจริงจัง
ส่วนลำดับที่สามคือ การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน เพื่อทวงคืนพื้นที่ที่เป็นของไทยกลับมา ผ่านกลไกคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา (จีบีซี) โดยเฉพาะบริเวณบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ที่อยู่ระหว่างการหารือร่วมกัน
ภารกิจที่สี่คือ การสร้างรั้วชายแดนระยะทาง 798 กิโลเมตร โดยจะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น รั้วอิเล็กทรอนิกส์ ในบางพื้นที่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและลดข้อขัดแย้งในจุดที่เป็นสันปันน้ำ ลำน้ำ หรือพื้นที่ราบ ส่วนภารกิจสุดท้ายคือ การปราบปรามสแกมเมอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นภารกิจร่วมของหลายหน่วยงาน ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกระทรวงมหาดไทย โดยกองทัพพร้อมสนับสนุนเต็มกำลัง
พล.อ.ณัฏฐพล กล่าวย้ำว่า การดำเนินการทั้งหมดจะใช้ สันติวิธีเป็นหลัก ผ่านกลไกความร่วมมือทวิภาคี อาทิ คณะกรรมาธิการชายแดนร่วมไทย–กัมพูชา (เจบีซี) แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าหากในอนาคตสถานการณ์จำเป็น อาจต้องใช้กำลังเพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศ
“เราไม่ได้ละทิ้งพื้นที่เหล่านี้ แต่ต้องทำตามลำดับและขีดความสามารถที่มีอยู่ การแก้ปัญหาจะเป็นไปอย่างรอบคอบและอยู่บนแนวทางที่นานาชาติยอมรับ” พล.อ.ณัฏฐพล กล่าวทิ้งท้าย





































