“กนก.” นำร่องลาออกหวังกดดันเปลี่ยนกก.บห.ปชป.ชุดใหม่ ยกหตุผลเตือนสำนึกด้านศีลธรรม-ฟังเสียงสังคม
วันที่ 24 เม.ย.65 นายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ผู้ช่วยส.ส.ของตนเดินทางมายื่นใบลาออกจากการเป็นรองหัวหน้าพรรคประขาธิปัตย์ซึ่งเป็นหนึ่งในตำแหน่งของคณะกรรมการบริหาร(กก.บห.) พรรคโดยยิ่นตรงต่อน.ส.อาถรณ์ รองเงิน รอวผอ.พรรค จากนั้นเวลา 10.00น. นายกนก ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวขึ้นหัวว่า “ผมจำเป็นต้องลาออกจากรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยจิตสำนึกทางศีลธรรม” มีใจความว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกี่ยวข้องกับการกระทำของผู้บริหารระดับสูงของพรรคท่านหนึ่ง ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด และได้เข้าสู่การพิสูจน์ตามกระบวนการยุติธรรมแล้วนั้น สาธารณชนจำนวนมากแสดงการไม่ยอมรับ และรังเกียจต่อการกระทำตามที่ถูกกล่าวหานั้น ด้วยเห็นว่าเป็นการกระทำที่ผิดต่อศีลธรรมอย่างรุนแรง จนนำไปสู่การตั้งคำถามต่อมาตรฐานความรับผิดชอบทางศีลธรรมของผู้บริหารพรรคโดยรวม และจากการดำเนินการของพรรคต่อเรื่องนี้โดยหัวหน้าพรรค กลับสวนทางกับความคาดหวังของสาธารณชนในเรื่องสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวมของพรรค ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์มุ่งมั่นทำงานการเมือง ด้วยการยึดถือประชาชนเป็นใหญ่มาเป็นเวลาช้านาน ตามความหมายของชื่อพรรค คือ “ประชาธิปัตย์” แต่ในขณะนี้เป็นที่ปรากฏชัดว่า ประชาชนผิดหวังอย่างมากต่อการตัดสินใจของพรรค ที่นำโดยหัวหน้าพรรค ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ด้วยสำนึกต่อศีลธรรมที่สำคัญยิ่งต่อการปฏิบัติหน้าที่ของนักการเมือง ผมจึงขอลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
โดยนายกนกให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า การลาออกจากรองหัวหน้าพรรคครั้งนี้ตนไม่ได้ปรึกษาหรือ พูดคุยกับใคร แต่เป็นการคิดและตัดสินใจส่วนตัวของตัวเองเพราะเห็นว่า สิ่งสำคัญที่สุดของคนเป็นนักการเมืองคือ สำนึกความรับผิดชอบทางศีลธรรม จริยธรรม อีกทั้งชื่อของพรรคประชาธิปัตย์มีความหมายถึง ประชาชน เมื่อเสียงของประชาชนในสังคมเห็นว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นความผิดด้านศีลธรรมที่ร้ายแรง ตนเป็นนักการเมืองก็ต้องฟังเสียงของประชาชน หากไม่มีการดำเนินการใดๆ สังคมจะยิ่งตั้งคำถามต่อพรรคถึงมาตรฐานทางการเมืองที่เราพยายามสร้างมาตลอดว่า มาตรฐานทางศีลธรรม จริยธรรมของเราตกต่ำลงมากกว่าเดิม และสุดท้ายจะไม่เหลืออะไรเลย ตนจึงจำเป็นต้องตัดสินใจเพราะเป็นจิตสำนึกส่วนบุคคลที่พึงจะมีในฐานะนักการเมือง ยืนยันว่า การลาออกจากคณะกก.บห.พรรคครั้งนี้ ไม่ได้ลาออกเพราะต้องการกดดันใคร อะไร แต่เป็นเรื่องของจิตสำนึกด้านศีลธรรมล้วนๆ ดังนั้น อย่าพยายามตีความว่า การลาออกของตนเพื่อกดดันใคร อะไร อย่างไร ทั้งหมดขึ้นอยู่กับจิตสำนึกความรับผิดชอบของแต่ละคนจริงๆ
