“เทพไท” เหน็บการเมืองไทยยุค ปชต.ครึ่งใบ ส.ส.ตกเขียว-ฝากเลี้ยงไม่ต่างปี 2512 “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” เกิดการเมือง 2 ขั้ว
วันที่ 2 พ.ค.65 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัว ข้อความว่า ถ้าหากมีใครศึกษาประวัติศาสการเมืองไทยมาตลอด จะเห็นได้ว่าการเมืองไทยย่ำอยู่กับที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือพัฒนาไปถึงไหนเลย เริ่มต้นจากการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ของนายมีชัย ฤชุพันธ์ ที่มีการย้อนยุคกลับไปใช้หลักการเดียวกับการร่างรัฐธรรมนูญปี 2522 ที่มีการถอยหลังเข้าคลอง เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตยครึ่งใบ ที่มีหลักการเรื่องสมาชิกวุฒิสภา ที่มาจากการแต่งตั้ว มีสิทธิ์ในการโหวตเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีได้ เหมือนกับ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง นับตั้งแต่ปี 2522 ถึงปี 2560 เป็นเวลา 38 ปีที่การเมืองไทยถอยหลังเข้าคลองไปใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2522 ที่มีฉายาว่า รัฐธรรมนูญฉบับหมาเมิน
ส่วนการเมืองของพรรคการเมือง หรือขั้วการเมือง ก็ย้อนยุคไปถึงการเมืองในยุคปี 2548 ที่มีการแบ่งขั้วอำนาจทางการเมืองออกเป็น 2 ขั้ว ชัดเจน คือกลุ่มระบอบทักษิณ กับกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณ แม้ว่าจะถูกล้มล้างไปด้วยการรัฐประหาร จากคณะความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ในปี 2549 เมื่อมีการคืนอำนาจให้มีการเลือกตั้งใหม่ในปี 2550 การเมืองไทยก็ยังแบ่งออกเป็น 2 ขั้วเหมือนเดิม
จนมาถึงปี 2556-2557 การเมืองไทยมีข้อขัดแย้งรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ระหว่างขั้วระบอบทักษิณ ที่รัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลุแก่อำนาจ ออก พรก.นิรโทษกรรมแบบสุดซอย เพื่อล้างผิดให้คนโกง จนเป็นที่มาของการต่อต้านระบอบทักษิณนอกสภา มีการเดินขบวนชุมนุมกันอย่างต่อเนื่องยาวนาน จนเกิดม็อบเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่ม กปปส.กับกลุ่ม นปช.คนเสื้อแดงที่สนับสนุนระบอบทักษิณ จนเป็นเหตุผลของการรัฐประหารโดยคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คสช. ที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อเข้ามาควบคุมการบริหารประเทศ 4 ปี และร่างรัฐธรรมนูญเพื่อการสืบทอดอำนาจอีกต่อไป
นายเทพไท กล่าวว่า ส่วนพฤติกรรมของ ส.ส.ในยุคปัจจุบัน ที่เป็นผลผลิตของรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 มี ส.ส.ปัดเศษจำนวนหนึ่ง กำลังเคลื่อนไหว และมีพฤฒิกรรมย้อนยุคเหมือน ส.ส.อิสระ สมัยปี 2512 ที่การขายตัว หรือที่เรียกกันว่าส.ส.โสเภณี ซึ่งในปัจจุบันมีการเคลื่อนไหวต่อรองกับกลุ่มผู้มีอำนาจ มีส.ส.งูเห่า ส.ส.ฝากเลี้ยง มีการซื้อตัว ตกเขียวส.ส.ล่วงหน้ากัน มีการแจกกล้วยเพื่อแลกกับการยกมือโหวตสนับสนุนฝ่ายของตัวเอง ทุกครั้งที่มีการประชุมวาระสำคัญ เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือกฎหมายสำคัญใดๆ จะมีการแจกกล้วยให้กับ ส.ส. เพื่อแลกกับการยกมือสนับสนุน จากแจกทีละลูก เป็นการแจกทีละหวี จนไปถึงการแจกทีละเครือ ซึ่งเป็นการย้อนรอยไปถึงการเมืองในสมัยโบราณจริงๆ จนถึงวันนี้การเมืองไทยก็ยังย้ำอยู่ที่เดิม ระหว่างกลุ่มต่อต้านของระบอบทักษิณ กับกลุ่มสนับสนุนระบอบทักษิณ ผ่านพรรคเพื่อไทย ส่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร มาเคลื่อนไหวทางการเมืองในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ภายใต้การสนับสนุนของคุณทักษิณผู้เป็นพ่อ ทำให้การเมืองครั้งต่อไป ก็จะมีการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณ กับกลุ่มสนับสนุนระบอบทักษิณเช่นเดิม
นายเทพไท กล่าวอีกว่า การเมืองไทยยังวนเวียนเหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง แม้ว่าหลังการรัฐประหารของ คสช.จะพยายามที่จะสลายสีเสื้อแล้วก็ตาม และมีการสลับสับเปลี่ยนคนการเมืองย้ายขั้วให้เห็นอยู่บ้าง เช่น พลเอกประยุทธ์ นำคนในระบอบทักษิณมาเป็นทีมงาน นั่งร้านทางการเมือง เป็นสมุนรับใช้จำนวนหนึ่งในนามพรรคพลังประชารัฐ ในขณะที่กลุ่มต่อต้านทักษิณ ก็แปรพักตรไปร่วมการเคลื่อนไหวกับฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย อยู่หลายคนเช่นกัน จึงอย่าแปลกใจถ้าพลเอกประยุทธ์สามารถใช้ นายแรมโบ้ เสกสกล อัตถาวงศ์ นายธนกร วังบุญคงชนะ นางปารีณา ไกรคุปต์ มาเป็นมือไม้ เป็นกระบอกเสียงในการทำงาน เราก็จะเห็นภาพนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา จับมือกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ หรือนายไทกร พลสุวรรณ เคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมกันได้ หรือเห็นภาพของนายธนัท ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท ออกมาขอโทษคุณทักษิณ และเข้าร่วมขบวนการม็อบ 3 นิ้ว หรือการที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ หรือ ไอติม ไปร่วมกิจกรรมกับพรรคก้าวไกล แม้ว่ากลุ่มคนทางการเมืองจะผิดหวังกับการเมืองในขั้วเดิม จนถึงขั้นสลับขั้วกันให้เห็นอยู่บ้าง แต่สาระสำคัญ หรือแก่นแท้ของการเมืองไทย ก็ยังแบ่งออกเป็น 2 ขั้วเหมือนเดิม