“นิโรธ” ย้อนอดีตรัฐประหาร “บิ๊กตู่” ไม่ได้อยากเข้ามา อ้างปชช.เรียกร้องความสงบ ชี้รธน.60 เปิดโอกาสรัฏฐาธิปัตย์ เข้ามาบริหารประเทศเดินหน้าต่อไปได้
วันที่ 22 พ.ค.65 นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวถึงครบรอบ 8 ปี การรัฐประหาร ว่า ต้องเข้าใจว่าในตอนนั้นนักการเมืองและประชาชนเกิดความไม่เข้าใจกันมาก จนมาสู่การลงท้องถนน มีการชุมนุมกันในพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ พื้นที่เศรษฐกิจ ตามหัวเมืองต่างๆ เป็นรามปี ซึ่งในที่สุดเกิดการฆ่ากันตาย มีการยิงระเบิด เผาสถานที่ต่างๆ จนเป็นข่าว ต้องเข้าใจว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก่อนที่ทหารจะเข้ามา และหน้าที่การรักษาความสงบภายในประเทศเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ฟังก์ชั่นกับงานตรงนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ บ้านเมืองเกิดความเสียหายและปรชาชนเดือดร้อน ทั้งนี้ทหารไม่ได้มีหน้าที่รักษาความสงบภายในประเทศ ทหารเรียนและฝึกมารักษาความสงบภายนอกประเทศ เพื่อป้องกันศัตรูทั้งหลาย
นายนิโรธ กล่าวว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวมีเสียงเรียกร้องว่าประเทศแย่แล้ว ทั้งเป็นข่าวไปทั่วโลกต่างชาติก็ไม่ไว้วางใจที่จะเข้ามาลงทุน เมื่อประชาชนส่วนใหญ่เรียกร้อง และทหารที่ไม่ได้มีหน้าที่รักษาความสงบในประเทศก็ตัดสินใจเข้ามา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำรัฐประหาร ก็ให้สัมภาษณ์ว่าไม่อยากเข้ามา แต่พล.อ.ประยุทธ์ ก็เข้ามาและทำให้บ้านเมืองสงบอย่างรวดเร็ว เราต้องเข้าใจมองย้อนหลังไปว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งพอพล.อ.ประยุทธ์เข้ามาก็เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ก็เป็นธรรมดาที่รัฐธรรมนูญฉบับเก่าต้องหายไป และมีการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับ 60 ร่างขึ้นมาท่ามกลางความไม่ไว้วางใจฝ่ายการเมือง จึงร่างมาเพื่อให้โอกาสฝ่านรัฏฐาธิปัตย์บริหารประเทศต่อไปอีกช่วงระยะหนึ่ง แล้วค่อยไปคลายตามขั้นตอนของรับธรรมนูญ ถือเป็นการให้โอกาศฝ่ายรัฏฐาธิปัตย์ และให้โอกาศประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เป็นการใช้หลักรัฐศาสตร์บวกนิติศาสตร์
นายนิโรธ กล่าวว่า อาจจะมองว่าทำไมให้เพียงฝ่ายนี้ฝ่ายเดียวทำไมฝ่ายที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยไม่ได้รับโอกาสแบบนี้ หากมองย้อนกลับไป นายทักษิณ ชินวัตร ถูกคดี ซุกหุ้น แต่เสียงของศาลออกมา 8 ต่อ 7 ให้นายทักษิณพ้นผิด หากถามว่าทำไมตัดสินเช่นนี้ทั้งที่นายทักษิณ ก็ยอมรับว่าตัวเองทำผิดโดยสุจริต เพราะนี้เป็นการให้โอกาส อย่างก็ตามต่อมานายทักษิณบริหารประเทศจนในี่สุดเกิดเป็นรัฐบาลที่มีการทุจริตมากที่สุดจนถูกศาลจำคุกหลายราย ปัจจุบันฝ่ายค้านพยายามปกปิดความผิดของพรรคตัวเอง พยายามลดคุณค่าพรรคอื่น อย่างเช่น พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลปัจจุบัน ถูกพูดว่าทุจริตอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ฝ่ายค้านต้องหันกลับไปมองว่าตอนตัวเองเป็ผู้บริหารประเทศเป็นรัฐบาล พรรคตัวเองเป็นพรรคที่ทุจริตมากที่สุดจนศาลตัดสินจำคุก
“การที่มีการรัฐประหารเกิดจากฝ่ายการเมืองและประชาชนไม่เข้าใจกันและออกมาจนสร้างความเดือดร้อน และประชาชนส่วนใหญ่เรียกร้องให้เข้ามา พอเข้ามาเสร็จประชาชนส่วนใหญ่แต่ยินดีโฮ่ร้อง ทั้งมอบดอกไม้และพวงลัย มีการร่างรัฐธรรมนูญมาเพื่อให้โอกาสรัฏฐาธิปัตย์เข้ามาบริหารประเทศ มีการตั้งพรรคการเมือง แล้วจะค่อยผ่อนคลาย ส.ว.อีกไม่นานก็หมดวาระ เราควรให้ประเทศเดินหน้าต่อไป ซึ่งไม่ใช่พวกที่พูดอยากกลับเข้ามาแสวงหาอำนาจ”นายนิโรธ กล่าว