“นายกฯลุงตู่” เอาจริง สั่งดำเนินคดีทั้งหมด คนมีเอี่ยวทุจริต โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน-คนละครึ่ง” หลังพบมีการร้องเรียน 200 กว่าราย วอนทุกฝ่ายควรให้ข้อมูล เพื่อจะเอาผิดได้ถูก
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.63 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลแก้ไขปัญหาทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” หรือโครงการ “คนละครึ่ง” ที่ได้สั่งการให้ดำเนินคดีกับผู้ประกอบการ-โรงแรม ที่พบการทุจริต เพราะมีการ้องเรียนมา กว่า 200 ราย โดยต้องดำเนินคดีทั้งหมด ซึ่งการแก้ไขปัญหาการทุจริต รัฐจะทำคนเดียวไม่ได้ ทุกฝ่ายทั้ง ผู้ให้ ผู้รับ และการสมยอม ต้องให้ข่าว ให้ข้อมูลทั้งหมด เพื่อที่จะดำเนินคดีได้อย่างถูกต้อง
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำหลักฐานผลการตรวจสอบธุรกรรมของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมในโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” มามอบให้พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เพื่อให้พิจารณาดำเนินคดี หลังเชื่อว่ามีโรงแรม, ร้านค้า และร้านอาหาร รวม 514 แห่ง เข้าข่ายมีพฤติการณ์ทุจริตในรูปแบบต่าง ๆ
โดยนายยุทธศักดิ์ ระบุว่า รูปแบบโรงแรมที่พบเข้าข่ายทุจริตมากที่สุด คือ การเข้าเช็กอินในโรงแรมราคาถูก แต่ไม่ได้เข้าพักจริงและขึ้นราคาค่าห้องพักสูงเกินจริง โดยหากโรงแรม ร้านค้าหรือร้านอาหารใดทุจริตและถูกดำเนินคดี จะถูก ททท. ขึ้นแบล็คลิสต์ ตัดสิทธิ์ไม่ให้เข้าร่วมโครงการของรัฐต่อในอนาคต ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้น ขณะนี้พบมีโรงแรมเข้าข่ายทุจริต 312 แห่ง จากทั้งหมด 4,800 แห่ง และร้านค้า 202 แห่ง จากทั้งหมดกว่า 20,000 แห่ง
ด้านพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ระบุว่า หลังจากนี้จะมอบหมายให้กองปราบปรามดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและตั้งชุดสืบสวนสอบสวนเพื่อพิจารณาดำเนินคดีนี้โดยเฉพาะ หากผู้ประกอบการรายใด ยอมรับว่าตนเองกระทำผิดจริง ต้องการให้ปากคำก่อนถูกดำเนินคดี ก็สามารถทำได้ และเนื่องจากความผิดที่เกิดขึ้นเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกง โดยตามกฎหมายสามารถยอมความได้หากมีการชดใช้ค่าเสียหาย
