“รมต.ดอน” ยอมรับกลางสภา ได้กลิ่นอายเรื่องล็อบบี้-แลกผลประโยชน์กดดันไทย หลังพบส.ว.สหรัฐหนุนม็อบ ยัน “ทูตมะกัน” ชมรัฐบาลไทยอดกลั้นรับมือการชุมนุม ชี้เป็นเรื่องปกติของปชต.ที่จะโดนท้าทาย เชื่อท้ายสุดจะหาทางแก้ไขได้
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.63 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณา กระทู้ถามสดของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย เรื่อง 9 ส.ว.สหรัฐอเมริกา มีข้อมติเรียกร้องต่อรัฐบาลไทยถึงเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และกรณีที่สหภาพยุโรป (อียู) ผ่านกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.เพื่อเอาผิดกับผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชน ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทยหรือไม่
ทั้งนี้ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ลุกขึ้นตอบกระทู้สดชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรีว่า กรณีข้อมติเรียกร้องของส.ว.สหรัฐฯไม่ใช่ประเด็นที่ได้รับความสนใจในสหรัฐฯ และร่างมติดังกล่าว ไม่มีผลบังคับใดๆ ต่อประเทศไทย เป็นเพียงแค่การแสดงท่าทีเท่านั้น และร่างมติดังกล่าวจะตกไปในชั้นวุฒิสภาสหรัฐในวันที่ 18 ธ.ค. เพราะไม่สามารถนำเรื่องเข้าไปหารือในวุฒิสภาสหรัฐได้ทัน ทั้งนี้กระทรวงต่างประเทศได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง ส่งให้ส.ว.สหรัฐฯทราบแล้ว เพื่อให้เข้าใจข้อเท็จจริงที่ถูกต้องในสถานการณ์ชุมนุมประเทศไทย
“ที่มาที่ไปของร่างมติดังกล่าว มีสมมติฐาน 2 ประการคือ 1.มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของผู้ที่สนใจ ไม่ว่ามาจากองค์การภายในของสภาฯ หรือภายนอก 2.จากการล็อบบี้จากภายนอกที่ตรวจสอบพบหลักฐานจำนวนมาก ส่วนข้อกังวลจะเป็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทยนั้น ไม่คิดว่าเป็นการแทรกแซงกิจการในประเทศ” นายดอนกล่าวและว่า เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้รับเชิญไปรับประทานอาหารที่บ้านเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ที่แสดงความชื่นชมสถานการณ์ชุมนุมในไทย ว่าเป็นไปด้วยความสงบ รัฐบาลอดกลั้นรับมือกับผู้ชุมนุม ถือเป็นเรื่องปกติที่กระบวนการประชาธิปไตยจะเจอความท้าทาย เชื่อว่าประเทศไทยจะหาทางแก้สถานการณ์การเมืองได้ในที่สุด คำตอบเหล่านี้ยืนยันต่อข้อกังวลเรื่องการแทรกแซงได้
นายดอน กล่าวด้วยว่า จากการติดตามข้อมติเรียกร้องของส.ว.สหรัฐฯ เราได้กลิ่นอายอย่างมากเรื่องการล็อบบี้ ยืนยันกระทรวงต่างประเทศไม่เคยมองข้ามปัญหาข้อเรียกร้องใดๆ แต่เมื่อเจอปัญหาแล้ว เราไม่โวยวาย เป็นมวยวัดออกสื่อ แต่จะหาข้อมูลก่อน เพื่อตอบโต้อย่างเหมาะสม ส่วนกรณีอียู ออกกฎหมายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน มีผลวันที่ 10 ธ.ค.นั้น ยังไม่เคยได้ยิน อาจจะตกข่าว จึงขอไปหาข้อมูลก่อน ไม่รีแอคกับข่าวทันทีทันใด