“ชูวิทย์” ถามประเทศไทยต้องการผู้นำแบบไหน “คนคิดบวก กับ คนพร้อมบวก” พร้อมนำเคส “ชัชชาติ” ลงพื้นที่ทำงานเพื่อคนกทม. เปรียบเทียบกับ การทำหน้าที่ของ บิ๊กตู่ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 30 พ.ค.65 ในเพจเฟซบุ๊กของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความเรื่อง “คนคิดบวก กับ คนพร้อมบวก” หลังจาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่ากทม. ลุยลงพื้นที่และรับฟังปัญหาของชาวบ้าน แม้กกต.ยังไม่ได้ประกาศรับรอง โดยระบุว่า คนคิดบวก กับ คนพร้อมบวก หลังคะแนนถล่มทลาย ชัชชาติเดินสายฟังเสียงชาวบ้าน สุ่มตรวจงานในเขตต่าง ๆ ของ กทม. ทักทายเด็ก คนแก่ คนหนุ่มสาว พ่อค้าแม่ค้ารุมถ่ายรูป เรียกว่า “ชัชชาติฟีเวอร์” ไม่ต้องรอให้ กกต. รับรองผลเสียด้วยซ้ำ
วิสัยทัศน์ของชัชชาติมีพื้นฐานจากข้อมูล ไม่ว่าเรื่องร้านค้าจตุจักร ที่มีข้อมูลจำนวนร้านค้าอย่างละเอียด หรือตามทวงงานผู้รับเหมาที่ล่าช้าแยกลำสาลี ไปถึงเรื่องน้ำท่วมในเขตดอนเมือง นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องลอกท่อ ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สมศักดิ์ เทพสุทิน เสนอมาว่า ให้นักโทษกลับมาลอกท่อ ดีกว่าให้เอกชนมารับงานแล้วแค่ เปิดท่อ ถ่ายรูป แล้วปิด ชัชชาติก็รับลูกเห็นด้วย แม้แต่ถามเด็กนักเรียนว่าขยันเรียนไหม ? เด็กตอบว่า ไม่ค่อยครับ… ชัชชาติยังหามุมบวกได้ว่า ยังดีที่ซื่อสัตย์
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ คือ สิ่งที่ประชาชนอยากเห็น ผู้นำที่ “คิดบวก” พร้อมทำงาน และไม่ต่อว่าใคร ส่วนที่คนไม่อยากเห็น หรือเห็นจนเบื่อ คือ “คนพร้อมบวก” อย่างท่านประยุทธ์ นายกฯ อยู่นานของเรา แค่เห็นเด็กนั่งไม่เรียบร้อย ก็ด่าตั้งแต่อยู่บนโพเดียม มีคนร้องเรียน ก็สั่งสอนด่าว่าไม่รู้จักกาลเทศะ พ่อค้าแม่ค้าบ่นว่าขายไม่ดี ก็กลายเป็นว่า ทำไมไม่ไปขายอย่างอื่น? นักข่าวถามก็โดนตอกสวนกลับ เหมือนของขึ้นพร้อมใส่คนถาม คือท่านด่าไปหมดทุกเรื่อง ท่าที และอารมณ์ท่าน ขึ้นๆ ลงๆ เลยกลายเป็นว่า แทนที่ผู้นำจะ “คิดบวก” กลับเป็น “พร้อมบวก” อยู่เสมอ
จากแรงสร้างสรรค์ที่ผู้นำต้องมีให้ กลายเป็นแรงสิ้นหวังที่ประชาชนได้รับ ระหว่างผู้นำที่ คิดบวก กับผู้นำที่ พร้อมบวก ต้องคิดดูเอาครับว่าประเทศไทยต้องการผู้นำแบบไหน?…