“ณัฐวุฒิ”เชื่อ “ชัชชาติ” ถูกกลุ่มไม่เลือกเราเขามาแน่ แซะหนักแน่ ชี้ประชาธิปไตยไทยไม่ใช่ไม่มีตัวเลือก แต่ปัญหาคือมีคนไม่ต้องการให้ได้เลือก ระบุเน้นทำงานไม่โต้ตอบ โปร่งใส ชัดเจน ส่งผลต่อภาพรวมแน่
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. ได้โพสต์ข้อความระบุว่า เป็นผู้ว่าฯ 1,386,215 คะแนน คือเรื่องโคตรยาก แต่จะรักษาฐานคะแนนนี้แล้วขยายผลต่อไป เป็นเรื่องยากโคตรโคตร
โจทย์ข้อใหญ่สุดของอ.ชัชชาติ คือการสร้างความแตกต่าง แก้ปัญหา เปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ ตามนโยบายที่ประกาศไว้
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้คาดคั้นเอาเป็นเอาตาย ต้องได้ครบ 214 ข้อในเวลา 4 ปี เพียงผู้ว่าฯคนใหม่ ทำงาน ทำงาน ทำงาน แต่ละเรื่องให้เป็นรูปธรรม ทิศทางชัดเจน โปร่งใส ไร้กลิ่นคอร์รัปชัน ก็ถือว่าสอบผ่าน
ความธรรมดาที่ผ่านกระบวนการคิดจนตกผลึก เป็นซอฟท์พาวเวอร์ที่จะทำให้เนื้องาน เข้าถึงประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
สิ่งที่จะเกิดควบคู่กันไปคือการติดตาม ตรวจสอบ จากภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง การเสียบ แซะ กระแนะกระแหน จากฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่ม”ไม่เลือกเราเขามาแน่”บางส่วน
การรับมือด้วยวิธีคิด วิธีทำงานที่ให้ผลงานเป็นรูปธรรม ไม่ตอบโต้ กระทบกระทั่ง แบบที่ใช้ในช่วงหาเสียง น่าจะเป็นวิธีที่อ.ชัชชาติและทีมงานใช้ได้ผลตลอดวาระ
ในภาพใหญ่ ความขัดแย้ง ต่อสู้ ระหว่างฝ่ายเสรีนิยมกับอนุรักษ์นิยม ยังดำรงอยู่ และทวีความแหลมคม ซับซ้อนมากขึ้น แม้ไม่มีความเคลื่อนไหวมวลชนขนาดใหญ่ แต่กิจกรรมโดยกลุ่มต่างๆยังดำเนินต่อเนื่องโดยเฉพาะในพื้นที่กทม.
การตอบสนองความคาดหวัง ของประชาชนคนหนุ่มสาวในขบวนต่อสู้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน บทบาทของผู้ว่าฯและกลไกของกทม. ที่รับใช้อำนาจรัฐ ถึงขั้นผู้ว่าฯกทม.คนก่อน ได้รับการยกย่องจากแกนนำกปปส.ว่าสนับสนุนการชุมนุมเป่านกหวีด อย่างแข็งขันตอนเป็นรองผู้ว่าฯ ยังติดตาคาใจประชาชน
ฝ่ายประชาธิปไตยย่อมเฝ้ามองเรื่องนี้ การปฏิบัติอย่างจริงใจ ยึดหลักสิทธิมนุษยชน กล้าหาญที่จะปกป้องเสรีภาพของประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ตามสภาพความเป็นจริงที่ทำได้ เป็นแนวทางที่ทีมบริหารกทม.ควรพิจารณา
ถ้าผู้ว่าฯชัชชาติทำสำเร็จ จะส่งผลในภาพรวม สร้างความเข้มแข็งให้ระบบเลือกตั้ง ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่า ถึงที่สุดจะมีคนที่ใช่มาเป็นตัวเลือก ไม่ต้องอาศัยอำนาจนอกระบบอุปโลกน์คนดีมายัดเยียด
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ว่าฯกับข้าราชการและประชาชน จะเป็นแนวทางให้นักการเมืองทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น พิจารณาวิธีทำงาน วัตรปฏิบัติ รวมทั้งเป็นแรงผลักดันให้คนหน้าใหม่เดินเข้าสนามการเมือง นำเสนอองค์ความรู้ แนวคิด วิธีทำงาน บุคลิกภาพ ต่อประชาชน
ประชาธิปไตยไทยไม่ใช่ไม่มีตัวเลือก แต่ปัญหาคือมีคนไม่ต้องการให้ได้เลือก
เอาใจช่วยครับ