“ป.ป.ช.” งัดภาพถ่ายทางอากาศมัด ชี้มูล “กนกวรรณ-พ่อ’’ หนุนออกโฉนดที่ดินรุกป่าเขาใหญ่และถือครองจนถึงปัจจุบัน เผย “อสส.” มีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว-เตรียมออกหมายจับ
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 65 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า จากกรณี ป.ป.ช.สั่งไต่สวนการออกโฉนดที่ดิน 3 แปลง เลขที่ 41158, 41159 และ 41160 ต.เนินหอม อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และเขตป่าไม้ถาวร ทั้งแปลง โดยมีผู้ถูกกล่าวหารวม 10 ราย ปรากฎชื่อนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ นายสุนทร วิลาวัลย์ เป็นผู้นำเดินสำรวจ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ช่างรังวัดกรมป่าไม้ รวม 10 ราย
โดยโฉนดที่ดินดังกล่าวเป็นการออกโฉนดให้แก่ นางกนกวรรณ นายสุนทร และน.ส.น้อย ตุ้มพันธ์ ทั้งนี้พฤติการณ์การทำความผิดมีการอ้างว่าซื้อโฉนดจากผู้ทำประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวมาก่อน ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่าไม่มีการซื้อขายจริง ประกอบกับผลการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ ในช่วงปี พ.ศ. 2546 ซี่งเป็นปีที่ใกล้เคียงกับปีที่ทำการเดินสำรวจ สภาพพื้นที่มีสภาพเป็นป่ามาโดยตลอด ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์เช่นกัน เมื่อปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีการออกเอกสารสิทธิที่ดินติดแนวเขตอุทยานแห่งชาติ ทั้งที่ตามระเบียบกรมที่ดินฯ กำหนดห้ามมิให้เดินสำรวจในแปลงที่คาบเกี่ยวหรือติดต่อกับเขตป่าไม้ถาวร จึงเป็นการออกโดยฝ่าฝืนระเบียบกรมที่ดิน
นอกจากนั้นยังพบว่าเจ้าหน้าที่ที่ดินได้ร่วมกัน มีหนังสือขอให้จังหวัดปราจีนบุรี ส่งระวางแผนที่รูปถ่ายทางอากาศที่มีการขีดเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ไปให้กรมป่าไม้ดำเนินการตรวจสอบยืนยันแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่โดยไม่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมที่ดิน โดยเป็นการขีดและรับรองแนวเขตกันเองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาแล้ว มีมติว่าการกระทำของนายจีรศักดิ์ ผลสุข เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์เดินสำรวจออกโฉนดที่ดินฯ, นางสุรางค์ คัณฑารมย์ เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับการเดินสำรวจ, นายสมศักดิ์ หีบเงิน เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับการรังวัด, นางพรรณเพ็ญ ภาคาญาติ หรือจำรูญหิน เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่สอบสวนสิทธิ, นายประทาน บานชื่น เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่เดินสำรวจรังวัด และนายคณิต เพชรประดับ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งช่างรังวัด 6 กรมป่าไม้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 83 และเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ส่วนการกระทำของนายทวี หมื่นศรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 14 ต.เนินหอม, นางกนกวรรณ วิลาวัลย์, นายสุนทร วิลาวัลย์ และน.ส.น้อย ตุ้มพันธ์ ผู้นำเดินสำรวจ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86
ทั้งนี้ ป.ป.ช. ได้แจ้งผลการพิจารณาให้กรมที่ดินทราบ เพื่อให้พิจารณาดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลง ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน รวมทั้งส่งเรื่องให้ อัยการสูงสุด (อสส.) ดำเนินการฟ้องคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ปัจจุบัน อสส. ได้มีคำสั่งดำเนินคดีอาญาฟ้องผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 10 รายแล้ว และให้แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหา ทั้ง 10 ราย ไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 2 ในวันนี้เพื่อยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ต่อไป โดยพบว่ามีผู้ที่ไม่มารายงานตัวประกอบด้วย นางสุรางค์ คัณฑารมย์, นายสมศักดิ์ หีบเงิน, นางกนกวรรณ วิลาวัลย์, นายสุนทร วิลาวัลย์, น.ส.น้อย ตุ้มพันธ์ และนายคณิต เพชรประดับ ที่ยังไม่ไปรายงานตัว ซึ่งขณะนี้น่าจะอยู่ระหว่างการดำเนินการออกหมายจับ
“ปัจจุบันยังมีการครอบครองเอกสารสิทธิและโฉนดที่ดินที่ไม่ถูกกฎหมาย จึงเห็นว่าการที่นางกนกวรรณยังมีการครอบครองเอกสารสิทธิที่ดินดังกล่าวต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการ จึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระพ.ศ.2561 หมวด 1 มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ข้อ 8 หมวด 2 มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก ข้อ 11 ไม่กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม และข้อ 17 ไม่กระทำการใด ที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง ประกอบข้อ 27 ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดจริยธรรมร้ายแรง โดยจะมีการส่งคำร้องไปยังศาลฎีกาเพื่อให้เพิกถอนจากตำแหน่ง ส่วนกรณีศาลประทับรับฟ้องแล้วต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ศาลจะพิจารณาต่อไป”นายนิวัติไชย กล่าว