“อนุทิน”ชี้เพื่อไทยลงศรีสะเกษแค่กลยุทธ์หาเสียง ยืนยันไม่กังวลศึกซักฟอก ขอ ส.ส.รบ.อยู่ในแถว อย่าแกล้ง- กดดันกันเอง เชื่อผ่านฉลุย
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.65 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคเพื่อไทยจัดกิจกรรม ครอบครัวเพื่อไทยไปศรีสะเกษไล่หนูตีงูเห่า ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ และลงพื้นจังหวัดศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทยมีความกังวลหรือไม่ ว่า พื้นที่ในแต่ละจังหวัดไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ทุกจังหวัดก็มีผู้แทนของพี่น้องประชาชน คนที่จะเสนอตัวเองเป็นผู้แทนต้องมีวิธีและกลยุทธ์เป็นของตัวเอง ที่จะทำให้ประชาชนเลือกเขาเข้ามา พรรคภูมิใจไทยก็จะมีกลยุทธ์ในแบบของตน พรรคอื่นก็มีกลยุทธ์อื่นๆ สุดท้ายอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน ส่วนการนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย จะมีนัยยะทางการเมืองและกังวลจะนำความขัดแย้งมาสู่การเมืองหรือไม่นั้น คงเป็นเรื่องของกลยุทธ์เราจะไปวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างไร ว่าอันไหนถูกอันไหนผิด อย่างเวลาตนลงพื้นที่ก็ลงเอง เพราะตั้งใจเต็มใจที่จะลงพื้นที่ ไม่ต้องไปพึ่งพาใคร ถือเป็นกลยุทธ์ของพรรคภูมิใจไทย ถ้าหัวหน้าพรรคและรัฐมนตรีลงพื้นที่เอง ก็น่าจะให้ความเชื่อมั่นกับชาวบ้านได้
ทั้งนี้ตนคิดว่าประชาชนทุกวันนี้คงเบื่อเรื่องความขัดแย้ง ความรุนแรงเต็มทนแล้ว อย่างที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดความขัดแย้งมีก่อนในอดีต เขาก็ต้องดูความรู้สึกของประชาชน ทุกอย่างต้องปรับเปลี่ยนไป เช่น ตนกับนายณัฐวุฒิ ส่วนตัวก็เรียกพี่เรียกน้องมาโดยตลอด เจอกันก็ทักทายกันเป็นอย่างดี เคยเรียนหลักสูตรเกี่ยวกับการเมืองร่วมกัน ไม่มีปัญหาอะไร เรื่องการเมืองก็เรื่องการเมือง เพื่อนสนิทตนในพรรคเพื่อไทยก็เยอะแยะไป แต่ในฐานะที่ทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นพรรค เขาก็ทำหน้าที่ของเขา มันต้องแยกกันให้ออก
เมื่อถามว่ามองว่าบรรยากาศการเมืองขณะนี้เป็นเรื่องปกติใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติเหมือนตีกอล์ฟ คนที่ไปตีกอล์ฟในก๊วนเดียวกันได้ก็เพื่อนกันทั้งนั้น แต่เวลาแข่งขันกันก็ไม่มีใครยอมใคร ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องกติกาสากล แต่เราไม่ได้มีความเครียดแค้นหรือโกรธแค้นอะไรกัน ดูอย่างเช่นเมื่อสักครู่ หลังประชุม ศบค. ระหว่างนายกฯกับผู้ว่า กทม.ที่คนไปคิดว่าจะเจอกันได้หรือไม่ แต่เมื่อสักครู่นายกฯพาชมตึกไทยคู่ฟ้าและตึกภักดีบดินทร์ ซึ่งอยู่ในทำเนียบรัฐบาล ให้เห็นว่าห้องนี้ทำอะไรห้องนั้นทำอะไร บรรยากาศดีจะตาย
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงมุมมองการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่น่าจะมีปัญญาใช่หรือไม่ ว่า เราอธิบายแทนคนอื่นไม่ได้แต่เราต้องชี้แจง ถ้าดูข้อกล่าวหาในการยื่นญัตติ ในส่วนของตัวเองก็ต้องไปเตรียมตัว นำข้อมูลเข้าใจง่ายสั้นๆ มีหลักฐานประกอบ มาชี้แจงตามข้อกล่าวหานั้นๆ ร่วมถึงหากมีการกล่าวหานอกเหนือญัตติ ก็มีทีมทำงานไปหาหลักฐานต่างๆ เพื่อมาแก้ต่าง
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ทำงานมา 8 ปี ในฐานะที่ทำงานร่วมกัน คิดว่านายกฯจะมีปัญหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ไม่เห็นว่าท่านจะมีปัญหาสักรอบ ก็เห็นว่านายกฯชี้แจงได้ทุกเรื่อง และก็ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจมา 3 สมัยแล้ว และจะนับ 8 ปีไม่ได้ เพราะ 5 ปี แรกพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มีฝ่ายค้าน และเมื่อมีสภานายกฯก็อยู่ในโผการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาโดยตลอด ถือว่าเป็นความสวยงาม หากทำอะไรและไม่มีการตรวจสอบถามว่าเราเอาหรือไม่ ถ้าเป็นประชาชนเราก็ไม่เอา และในฐานะรัฐมนตรี เราทำอะไรมาเยอะแยะ ยิ่งดีใหญ่ถ้ามีคนมาตรวจสอบ เราก็มีโอกาสได้ชี้แจงเหตุผลว่าทำไมเราถึงทำเช่นนี้ สิ่งที่เรามั่นใจอย่างหนึ่งคือไม่เคยทุจริต ไม่เคยคิดอะไรไม่ดีต่อบ้านเมืองและประชาชน ทุกอย่างเราก็อธิบายได้หมดอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการอภิปรายถล่มนายกฯและมีการพาดพิงเกี่ยวกับเนื้องานของรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย อย่างนี้จะลุกขึ้นมาช่วยชี้แจงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ต้องลุกมาชี้แจง เพราะถือเป็นหลักปฏิบัติอยู่แล้ว สมมุติว่าพาดพิงกระทรวงใดกระทรวงนั้นก็ต้องชี้แจง
เมื่อถามว่าจะมีเสียงจากพรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะจากพรรคเพื่อไทยมาโหวตสนับสนุนรัฐบาลมากกว่า 7 คน เหมือนการโหวตร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ปี 66 หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่ทราบจะไปทราบได้อย่างไร เราก็ต้องอยู่ในกติกา ถ้าอธิบายได้มีเหตุผล ไม่ทำความลำบากใจให้กับส.ส. พรรคร่วมรัฐบาล เอาแต่ตรงนี้พอ อย่าเพิ่งนึกถึงฝ่ายค้าน ขอให้ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาบอยู่ในแถว มีสปิริตอย่างใช้เกมการเมืองกลั่นแกล้งกัน มากดดันกัน ก็ผ่านอยู่แล้ว แต่ถ้าชี้แจงไม่ได้โดยเฉพาะข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตก็ตัวใครตัวมัน ยืนยันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ไม่ต้องมีอะไรน่ากังวล เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด อย่างข้อกล่าวหาตนที่ไปใช้เงินทองในการดึงส.ส.พรรคอื่นมาเข้าพรรคภูมิใจไทย ขอถามว่าไปเอาเงินทองที่ไหน แล้วทำไมต้องทำ ก็แค่นี้เอง กล่าวหากันไป ก็ชี้แจงให้เห็นทุกวันนี้ส.ส.ที่อยู่ต่างพรรคยกเว้นส.ส.ที่ถูกขับออกจากพรรคเดิมก็ไปสังกัดพรรคอื่นๆตามสิทธิรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันก็ไม่มีใครกล้าลาออกจากตำแหน่งและมาสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทย
เมื่อถามว่า ถึงคิวพรรคภูมิใจไทยที่จะเป็นเจ้าภาพ จัดกิจกรรมกินข้าวกระชับมิตรกับพรรคร่วมรัฐบาล แล้วหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ดำเนินการ นายอนุทิน กล่าวว่า เดี๋ยวว่ากัน ให้พ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไปก่อนดีกว่า ถ้าสำหรับตนไม่ต้องไปพึ่งใครพึ่งตนเอง มีหลักฐานชี้แจงสภาและประชาชนให้ได้ก็เท่านั้น