“สันธนะ”พร้อมผู้ต้องหาอีก 3 ราย ถูกควบคุมตัวขึ้นรถไปส่งพนักงานอัยการ หลังถูกหมายจับในคดีอุ้มรีดนักธุรกิจชาวไต้หวันหลายข้อหา ขณะตำรวจยืนยันคัดค้านการให้ประกันตัวทั้งหมด
เมื่อเวลา 08.20 น. วันที่ 14 พ.ย.68 ที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ พนักงานสอบสวนได้ทำการเบิกตัว นายสันธนะ ประยูรรัตน์ พร้อมผู้ต้องหาอีก 3 ราย ได้แก่ นายทรงกลด ยุบลพันธ์, นายสมจินต์ รัตนโชติพานิช และ นายพิรวัชร์ ยงทองคำทิพย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 1124/2568 ลงวันที่ 10 พ.ย.2568 ในคดีอุ้มรีดนักธุรกิจชาวไต้หวัน
พนักงานสอบสวนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ขึ้นรถควบคุมผู้ต้องขัง เพื่อนำตัวส่งพนักงานอัยการพิจารณาสั่งฟ้องในหลายข้อกล่าวหา ได้แก่ ร่วมกันเรียกค่าไถ่, พยายามฆ่า, เป็นอั้งยี่, สนับสนุนซ่องโจร, ข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำหรือไม่กระทำการใดโดยใช้กำลังประทุษร้าย และมีอาวุธไว้ในครอบครอง โดยตำรวจยืนยันคัดค้านการให้ประกันตัวทั้งหมด
ระหว่างถูกควบคุมตัว นายสันธนะให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ถึงสภาพจิตใจว่า “ขอเวลาก่อน เมื่อคืนไม่ได้หลับเลย มีความสุขเหมือนได้กลับมาเยี่ยมบ้าน ตนต้องคอยดูแลลูกน้องทั้งคืน จะให้ผมหลับได้ยังไง เราเป็นลูกพี่เขา”
นอกจากนี้ นายสันธนะกล่าวถึงกรณีตำรวจยศสูงที่โทรติดต่อ ว่าจะนำชื่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องส่งต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึง “นายพลสี่คน” และจะส่งเอกสารประกอบให้ครบถ้วน
เมื่อถามถึงคำว่า “ลูกพี่” ที่เคยกล่าวถึงเรื่องเข้าคุก นายสันธนะไม่ตอบชัดเจน เพียงกล่าวว่า “ใครก็ได้ที่เขาเข้าไปในเรือนจำก่อน” โดยหมายจับคดีนี้เป็นคดีเก่าตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว เพิ่งเห็นรายละเอียดภายหลังถูกควบคุมตัว
นายสันธนะ ยังระบุถึงเหตุการณ์วันที่ 11 พ.ย.ว่า มีผู้ให้ “พล.ต.อ.คนหนึ่ง” โทรมาหาลูกน้อง เพื่อพูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยเขาเข้าใจทันทีว่า “ต้องมีอะไรไม่ปกติ” ยืนยันว่า ไม่รับต่อรองใด ๆ พร้อมได้ร้องเรียนต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้ว และเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ร.ตร.) เกี่ยวกับความผิดส่วนตัว นายสันธนะยืนยันหนักแน่นว่า
“ไม่เคยผิดแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้ผมเสียชื่อเสียง ผมก็ไม่อาย ถ้าศาลตัดสินว่าผมผิด จนต้องติดคุก ผมขอให้ประหารไปเลย”นายสันธนะ กล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า คดีนี้มีรายละเอียดจำนวนมาก โดยกล่าวหาว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางราย เรียกกรรโชกทรัพย์ ในกระบวนการ
ขณะที่ความขัดแย้งกับตำรวจนครบาลบางราย นายสันธนะ ระบุว่า เคยร้องเรียนและฟ้องร้องหลายครั้ง รวมถึงเหตุการณ์เผชิญหน้าอย่างรุนแรงถึงขั้น “ชี้หน้าด่ากัน” หลังถูกข่มขู่ แต่ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดก่อน
เมื่อถามถึงเส้นทางการเมืองในอนาคต นายสันธนะ ตอบว่า “คุณเป็นหัวหน้าพรรคหรือที่จะไปตัดสินใจแทน” และฝากข้อความถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และนายเนวิน ชิดชอบ ว่า “พบกันบนเส้นทางการเมือง มีแต่มิตรแท้กับศัตรูถาวร”
ก่อนขึ้นรถควบคุมตัวไปส่งอัยการ นายสันธนะ หันมาตอบผู้สื่อข่าวสั้น ๆ ว่า “ผมสบายดี”
ทั้งนี้ พนักงานอัยการจะพิจารณาสำนวนคดีว่ามีพอให้สั่งฟ้องหรือไม่ หากมีมูลเพียงพอจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งฟ้องต่อศาล ส่วนคำร้องขอประกันตัวจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจศาล โดยตำรวจยืนยันคัดค้านอย่างถึงที่สุดเนื่องจากมีหลายข้อหาหนัก
