นายกฯ ปลื้ม “สวนเบญจกิติ” คืบหน้า พร้อมขอบคุณ”ชัชชาติ”เสนอแนวคิดหลายอย่าง ชี้จะเป็นมุมมองใหม่ และ ถือเป็นการสร้างสีสันให้กับกรุงเทพมหานคร
เมื่อวันที่ 4 ก.ค.65 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการเชื่อมสวนสาธารณะ “เบญจกิติ” กับสวนลุมพินี ว่า เป็นการประชุมติดตามความก้าวหน้าในการปรับปรุงแผนการดำเนินการในระยะ 2-3 ที่มีอีกหลายอย่างที่ยังต้องดำเนินการต่อบางส่วนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ให้ทันในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งการประชุมวันนี้ได้มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง เช่น การเชื่อมต่อกับสวนลุมพินี การปรับปรุงเส้นทางเดิน เส้นทางรถยนต์ การจัดหาที่จอดรถในที่ต่างๆ ซึ่งพื้นที่ที่เสร็จแล้วได้ส่งมอบต่อให้กับกรุงเทพฯ ซึ่งได้ดำเนินการบริหารอยู่แล้วในขณะนี้ เช่นเดียวกันในบางส่วนที่ยังทำไม่เสร็จก็จะต้องร่วมมือทำให้เสร็จเสียก่อน และท้ายที่สุดจะอยู่ในความรับผิดชอบของกรมธนารักษ์และกรุงเทพมหานคร
“วันนี้ท่านผู้ว่าฯกทม. ให้ความร่วมมือมาประชุมด้วยตนเอง ผมก็ขอบคุณและชื่นชม ซึ่งท่านก็ได้เสนอแนวคิดต่างๆหลายอย่างด้วยกันที่จะต้องร่วมมือกันปรับปรุงแผนงานให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และผมก็คาดว่าเมื่อสำเร็จเรียบร้อยแล้วก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชนหลายๆคน และในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดเริ่มมีคนเข้ามา 6 แสนกว่าคน ที่ทำบันทึกไว้แล้ว เฉลี่ยวันละหลายพันคน ในวันธรรมดาประมาณ 3,000 กว่าคน วันเสาร์-อาทิตย์ประมาณ 5,000-6,000 คน ก็ถือว่าเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกที่มีคนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราจะมีการอำนวยความสะดวกให้มีการเชื่อมต่อกับสวนลุมพินีด้วย สามารถเดินทางได้ทั้งทางรถยนต์และรถไฟฟ้าในระยะต่อไป สวนดังกล่าวจะเป็นมุมมองใหม่ในการประชุมจากศูนย์การประชุมสิริกิติ์ จะมองภาพข้างหน้าผ่านกระจกมาจะเห็นสวนเบญฯทั้งสวน ถือเป็นการสร้างสีสันให้กับกรุงเทพมหานครของเราในการเป็นสถานที่จัดการประชุมใหญ่ๆต่อไปในอนาคต ซึ่งเรามองอนาคตไว้ตรงนั้นด้วย นอกจากทำตรงนี้ก็ต้องมีผลประโยชน์ทางอ้อมถือเป็นหลักคิดและนโยบายของรัฐบาล” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการเตรียมมพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคของไทย มีความเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้มีการประชุมไปหลายส่วนแล้ว การจัดการประชุมก็มีการเดินกันเป็นขั้นๆเริ่มจากคณะทำงาน การประชุมเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส ระดับรัฐมนตรี มี 180 กว่าการประชุมกว่าจะถึงการประชุมใหญ่ วันนี้ก็มีการเดินหน้าในหลายกระทรวง โดยการนำร่องของกระทรวงการต่างประเทศไม่ใช่อยู่ๆก็จะมาประชุม เรียกมาวันนี้พรุ่งนี้เสียเมื่อไหร่ มันไม่ใช่ จะต้องมีสารัตถะในการที่จะมาพูดกันในห้องประชุมเพื่อให้เกิดการลงนามและแถลงการณ์ร่วม การทำงานไม่ใช่สักแต่ว่าจะประชุมอย่างเดียว
ส่วนจะอยู่จนถึงเป็นเจ้าภาพจัดเอเปคใช่หรือไม่นั้น เพราะอาจมีประเด็นเรื่องดำรงตำแหน่ง 8 ปีนายกฯกล่าวสั้นๆว่า ก็แล้วแต่ใครจะทำก็ทำไปเถอะ