“ยุทธพงศ์” ถล่ม “สันติ” พันทุจริตท่อส่งน้ำอีอีซี ด้าน “สันติ” ซัดกลับไม่เคยรู้จักคนใน “บ.อีสต์วอเตอร์-วงศ์สยาม” ไล่เช็ค 30 ปีตอบแทนอะไรรัฐบาลบ้าง เหน็บ “โจ้” แทนที่จะร่วมกันตรวจสอบรักษาผลปย.ชาติ ถามกลางสภาฯรับงานใครมาหรือไม่ ทำไม่รู้ดีจัง
วันที่ 20 ก.ค.65 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดการอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไวจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คน วันที่สอง ต่อเวลา 12.40 น. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กรณีทุจริตโครงการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่า มีใบเสร็จทุจริตโครงการนี้ นายสันติมีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะเป็นประธานกรรมการที่ราชพัสดุเห็นชอบใช้วิธีคัดเลือกบริษัทเอกชนมาดำเนินโครงการระบบท่อส่งน้ำอีอีซี แทนวิธีเปิดประมูลทั่วไป เพื่อหนีพ.ร.บ.ร่วมทุน เป็นการคัดเลือกโดยไม่โปร่งใส เชิญแค่ 5 บริษัทเอกชนมาคัดเลือก ไม่เชิญบริษัทเอกชนใหญ่ๆ ที่มีประสบการณ์เรื่องระบบส่งน้ำโดยตรงมาคัดเลือกด้วย เป็นการเอื้อประโยชน์ช่วยเอกชนบางราย การคัดเลือกครั้งแรกบริษัท อีสต์วอเตอร์เป็นผู้ชนะ แต่มีการยกเลิกการคัดเลือก พร้อมเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกบริษัทเอกชนชุดใหม่ และแก้ไขเงื่อนไขทีโออาร์ใหม่ โดยยกเลิกลักษณะต้องห้ามบริษัทที่เข้าร่วมประมูล ข้อเสนอทางเทคนิค เพื่อเอื้อประโยชน์เอกชนบางรายที่ไม่มีประสบการณ์ระบบส่งน้ำเข้าร่วมคัดเลือกได้ เหมือนเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า ในที่สุดการคัดเลือกรอบสอง บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ชนะประมูล และยังเร่งรัดการคัดเลือกให้บริษัท วงษ์สยาม ชนะคัดเลือกในวันที่ 30 ก.ย.2564 ที่นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ขณะนั้น เกษียณอายุราชการพอดี จึงไม่สามารถไว้วางใจให้นายสันติทำงานต่อไปได้
ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่า เหตุผลที่ใช้เรียกเอกชนแค่ 5 บริษัท มาคัดเลือกแทนการเปิดประมูลทั่วไป เนื่องจากดำเนินการตามข้อเสนอม.เกษตรศาสตร์ในฐานะเป็นที่ปรึกษาโครงการระบบท่อส่งน้ำสายหลักอีอีซี ที่ให้ใช้วิธีเชิญบริษัทเอกชนมาร่วมคัดเลือก ส่วนการยกเลิกการคัดเลือกบริษัทเอกชนครั้งแรก เพราะไม่มีการกำหนดเรื่องปริมาณน้ำที่ชัดเจนในทีโออาร์ จึงไม่สามารถชี้ขาดได้ว่า ใครควรชนะรอบแรก ส่วนการคัดเลือกรอบสอง บริษัทอีสวอเตอร์เสนอผลตอบแทนตลอด 30 ปี 24,212 ล้านบาท ส่วนบริษัท วงษ์สยามให้ผลตอบแทนมากกว่าคือ 25,693 ล้านบาท แล้วไม่รักษาผลประโยชน์ประเทศตรงไหน ที่ผ่านมา 30 ปี บริษัทอีสต์วอเตอร์ มีผู้ถือหุ้นคือ กปภ. 10% เอกชน 60 กว่า% และบริษัทต่างชาติ 4 แห่ง 25% ให้ผลตอบแทนรัฐไม่ถึง 600 ล้านบาท แต่ 30 ปีหลังจากนี้จะได้ผลตอบแทนเกือบ 26,000 ล้านบาท ถ้าคัดเลือกไม่เป็นธรรมจริง ทำไมการคัดเลือกรอบสอง บริษัท อีสต์วอเตอร์ ยอมเพิ่มค่าประโยชน์ตอบแทน 30 ปี ให้รัฐเป็น 24,000 กว่าล้านบาท จากรอบแรกที่ให้ค่าตอบแทนแค่ 9,000 กว่าล้านบาท รวมถึงค่าน้ำประปาในทีโออาร์ครั้งนี้กำหนดชัดเจนให้เก็บค่าน้ำเกินคิวละ 10.98 บาท/ลิตร แต่ 30 ปีที่ผ่านมา อีสต์วอเตอร์เก็บค่าน้ำคิวละ 12 บาท/ลิตร และสูงสุด 26 บาท/ลิตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายสันติชี้แจงเสร็จ ปรากฏว่า นายยุทธพงศ์พยายามตอกย้ำให้นายสันติ ตอบคำถามประเด็นไม่เปิดประมูลทั่วไป และเรื่องการให้ผลตอบแทนแก่รัฐในการคัดเลือกรอบแรก จนเกิดการปะทะคารมโต้เถียงกับนายสันติไปมาหลายรอบ
จนนายสันติต้องตอบโต้ไปว่า ถามจริงๆ นายยุทธพงศ์จะรู้ข้อมูลมากกว่าตนได้อย่างไร ว่าการคัดเลือกรอบแรกใครเสนอผลตอบแทนให้รัฐอย่างไรบ้าง คงมีอะไรสักงาน ไม่รู้มีใครไปรับงานจากอีสวอเตอร์มาหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่เซ็นสัญญาโครงการจะมากล่าวหาได้อย่างไร สัญญาทั้งหมดมีอัยการสูงสุดดูแลอย่างรอบคอบ ไม่ต้องห่วง ทำไมท่านถึงเอนเอียงได้ขนาดนี้ ขอให้ไปตรวจสอบย้อนหลัง 30 ปีที่ผ่านมา ผลประโยชน์ตกไปอยู่ที่ไหน บริษัทอีสต์วอเตอร์ มีต่างชาติถือหุ้น 25% เงินไหลออกนอกประเทศเท่าไร แต่จ่ายให้รัฐบาลแค่ 600 ล้านบาท อีก 20,000 กว่าล้านบาทไปไหน ควรร่วมมือกันตรวจสอบมีการฉ้อโกงเกิดขึ้นหรือไม่ ยืนยันผมไม่เคยเจอทั้งอีสต์วอเตอร์และวงษ์สยาม ใม่เคยโทร.หา ไม่มีนิติสัมพันธ์ใดๆกันทั้งสิ้น ทำไมต้องไปเอื้อใคร ผมก็มีฐานะไม่ต้องไปเอื้อให้ใคร