“ก้าวไกล” แฉ “รบ.ประยุทธ์” สั่งซื้อสปายแวร์สอดแนมประชาชน ชี้อาวุธสงครามร้ายแรง ส่งผลต่อ “นักวิชาการ-สิทธิมนุษยชน-เคลื่อนไหว-พรรค-คณะสีส้ม”ลามยัน ‘ช่อ-ปิยบุตร’ ตกเป็นเหยื่อ
วันที่ 21 ก.ค.65 ที่รัฐสภา ในการอภิปรายไวไม่ไว้วางใจรัฐบาล ต่อมาเวลา 16.00น. นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ว่า ขณะนี้มีการซื้อสปายแวร์ ซึ่งเป็นโปรแกรมดักฟัง สอดแนมในโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน ที่จัดอยู่ในระดับอาวุธสงครามร้ายแรง 3 ชนิด ตั้งแต่ปี 2557-2565 คือสปายแวร์เพกาซัส ที่สังคมไทยให้ความสนใจตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังกลุ่มไอลอว์ เปิดเผยว่า นักวิชาการ นักกิจกรรม และนักสิทธิมนุษยชน35 คน ถูกสอดแนมหรือแฮ็กโดยสปายแวร์เพกาซัส
โดยยกรายงานจาก Citizen Lab ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาสังคมในแคนาดา ที่เชี่ยวชาญด้านการติดตามการจารกรรมทางไซเบอร์และการใช้สปายแวร์ ระบุว่าพบการใช้เพกาซัสในไทยครั้งแรกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 อาทิWebsite ชื่อว่า Siamha, thtube และ thainews และมีการใช้งานเพกาซัสอย่างต่อเนื่องมาจนถึงอย่างน้อยในปี 2564 และยังพบหลักฐานการสั่งซื้อสปายแวร์อื่นๆ อีก อาทิ สปายแวร์ชื่อ RCS จากบริษัท Hacking Team ในอิตาลี คู่แข่งของเพกาซัส โดยชื่อหน่วยงานที่ซื้อคือกรมราชทัณฑ์ ซื้อในปี 2556 ในราคา 286,482 ยูโร หรือประมาณ 11.5 ล้านบาท บวกค่าธรรมเนียมการจัดการรายปีอีก 52,000 ยูโร หรือประมาณ 2 ล้านบาท และกองทัพบก ซื้อในปี 2557 ในราคา 360,000 ยูโร หรือประมาณ 14.4 ล้านบาท
ที่สำคัญ ได้ตรวจสอบพบหลักฐานการเบิกจ่ายงบประมาณของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อซื้อชุดอุปกรณ์ค้นหาตำแหน่งโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Circles จำนวน 9 รายการ ในระหว่างปี 2558-2563 และพบอีก 10 รายการที่เบิกจ่ายงบฯ ซื้อชุดอุปกรณ์ค้นหาตำแหน่งโทรศัพท์มือถือเช่นเดียวกัน แต่ไม่ระบุยี่ห้อ โดยจากรายงานของ Citizen Labs ตรวจพบการใช้งานสปายแวร์ Circles ของ 3 หน่วยงานราชการไทย คือ หน่วยข่าวกรองทหารบก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(ปส.)
นายพิจารณ์ กล่าวว่า ตนขอตั้งข้อสังเกตว่าการใช้สปายแวร์ระดับโลก ที่สามารถแฮ็กเข้าโทรศัพท์มือถือของประชาชนได้เพียงแค่รู้เบอร์โทรศัพท์ หรือ apple ID และสามารถล้วงข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดของเหยื่อได้ รวมถึงเปลี่ยนโทรศัพท์เหยื่อเป็นกล้องและอุปกรณ์ดักฟังตลอด 24 ชั่วโมง หากใช้กับอาชญากรร้ายแรง ป้องกันการก่อการร้าย หรือตามจับพ่อค้ายาเสพติด ก็ไม่เป็นปัญหา คุ้มค่ากับเงินหลักพันล้านที่ใช้ซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ แต่ปรากฏว่าผู้ที่ถูกแฮ็ก หรือถูกสอดแนม กลับกลายเป็นนักวิชาการ อาทิ น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล, รศ.ดร. พวงทอง ภวัครพันธุ์, รศ.ดร. ประจักษ์ ก้องกีรติ รวมถึงนักการเมืองฝ่ายค้าน เช่น นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า, น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า, นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล, น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส. พรรคก้าวไกล, และนายปกรณ์ อารีกุล ผู้ช่วยนายรังสิมันต์ โรม ซึ่งบุคคลเหล่านี้ไม่ได้เป็นอาชญากรร้ายแรงใดๆ เพียงแต่เป็นผู้ที่เป็นศัตรูของระบอบประยุทธ์เท่านั้น
“ในวันนี้ ชัดเจนว่าพลเอกประยุทธ์ไม่ได้ใช้อาวุธสงครามร้ายแรงอย่างสปายแวร์เพกาซัส กับอริราชศัตรู แต่กลับใช้กับประชาชน อ้างว่าใช้กับอาชญากร แต่แท้จริง ตัวท่านนั่นแหละกำลังประพฤติตนเป็นอาชญากรไซเบอร์ หันอาวุธสงครามใส่ประชาชนเสียเอง และขอเตือนประชาชนว่า อย่าคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัว สปายแวร์นี้สามารถถูกใช้สอดแนมใครก็ได้ ที่พลเอกประยุทธ์เห็นว่าเป็นภัยต่อตนเอง ไม่แน่ว่าโทรศัพท์มือถือของพี่น้องประชาชนทุกวันนี้ อาจถูกแฮ็กโดยเพกาซัสแล้วก็ได้”นายพิจารณ์ กล่าว