ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งจำคุก1ปีรอลงอาญา2ปี ปรับ2เเสน’ธณิกานต์’ส.ส.พปชร. คดีเสียบบัตรแทนกัน
วันที่ 3 ส.ค.65ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง องค์คณะผู้พิพากษา ฯ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีเสียบบัตรแทนกันหมายเลขดำที่ 19/2564 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องน.ส.ธณิกานต์ หรืออุ๋ม พรพงษาโรจน์ อายุ 42 ปี ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เป็นจำเลย
กรณีเมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2562 เวลากลางวัน จำเลยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่7(บางซื่อ–ดุสิต)กรุงเทพมหานคร โดยจำเลยลงชื่อเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญประจำปี ซึ่งมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … โดยไม่ได้ลาประชุม แต่ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมระหว่างเวลาประมาณ 13.30 น. ถึง 15.00 น. โดยจำเลยฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติ ของจำเลยกับ ส.ส.รายอื่น หรือบัตรของจำเลยอยู่ในความครอบครองของ ส.ส.รายอื่นโดยความยินยอมของจำเลย เพื่อให้ส.ส.รายนั้นใช้บัตรของจำเลยกดปุ่มแสดงตนและลงมติแทนจำเลยในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 เวลา 13.41 น. และวาระที่ 3 เวลา 14.01น. โดยมีเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการออกเสียงลงคะแนนแทนกัน อันเป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เป็นเหตุให้สภาผู้แทนราษฎร ปวงชนชาวไทยผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยรวมทั้งกระบวนการตรากฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติได้รับความเสียหาย
โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 จำเลยให้การปฏิเสธ
องค์คณะผู้พิพากษาวินิจฉัยแล้วเห็นว่า การพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้ระบบไต่สวนซึ่งศาลเป็นผู้ค้นหาความจริงไม่ว่าจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยนำสำนวน การไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นหลักในการพิจารณา และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมให้ศาลมีอำนาจไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ ตามมาตรา 6 วรรคหนึ่งและวรรคสอง แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพ.ศ. 2560 เช่นนี้ โจทก์จึงไม่มีภาระพิสูจน์ถึงการกระทำความผิดและเจตนาของจำเลยดังที่จำเลยแถลงปิดคดี แต่เป็นหน้าที่และอำนาจของศาล ที่จะไต่สวนค้นหาความจริงแล้วใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงว่าความจริงรับฟังได้หรือไม่ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดตามฟ้อง
เมื่อพิจารณาพยานหลักฐานตามทางไต่สวนของศาลฎีกาฯ ประกอบสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และแถลงปิดคดีของจำเลยแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยไม่ได้ร่วมประชุมและลงมติร่างพ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 ระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ในการลงมติร่างพ.ร บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 ไม่มีความผิดพลาดหรือบกพร่อง ดังนี้ เมื่อจำเลยไม่ได้อยู่ในที่ประชุม สภาผู้แทนราษฎรขณะที่มีการลงมติร่างพ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 แต่มีการนำบัตรอิเล็กทรอกนิกส์ของจำเลยไปใช้ลงมติ ประกอบกับระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ไม่มีความผิดพลาดหรือบกพร่อง และช่องเสียบบัตรลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นช่องทางให้สามารถนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นมาลงมติได้
พฤติการณ์ดังกล่าว ทำให้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่น หรือ บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยไปอยู่ในความครอบครองของส.ส.รายอื่น โดยจำเลยยินยอมให้ส.ส.รายนั้นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยแสดงตนและลงมติร่างพ.ร.บ. เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 แทนจำเลย เมื่อการออกเสียงลงคะแนนในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นสิทธิเฉพาะตัวของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเข้าประชุมและอยู่ใน ที่ประชุมในขณะที่มีการออกเสียงลงคะแนนเท่านั้น การกระทําใดเพื่อให้มีการออกเสียงลงคะแนนแทนกันจึงเป็นการขัดต่อหลักการออกเสียงลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 120 วรรคสาม ที่ให้สมาชิก คนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการออกเสียงลงคะแนน และไม่ชอบด้วยข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อ 72 วรรคสาม ที่กำหนดว่า การออกเสียงลงคะแนนจะกระทำแทนกันไม่ได้ อันเป็นการออกเสียงลงคะแนนที่ ไม่สุจริต มีผลทําให้การออกเสียงลงคะแนนของสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมพิจารณานั้นไม่เป็นไปตาม เจตนารมณ์ที่แท้จริงของผู้แทนปวงชนชาวไทย
การกระทำของจำเลยจึงก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน และสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นองค์กรที่ทําหน้าที่นิติบัญญัติแล้ว แม้จะไม่ทำให้กระบวนการตรากฎหมายเสียไป จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และการที่จำเลย ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาร่างพ.ร.บ.ต่าง ๆ แต่กลับฝากบัตอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยกับส.ส.รายอื่นหรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยไปอยู่ในความครอบครองของส.ส.รายอื่นโดยจำเลยยินยอมให้ส.ส.รายนั้นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยแสดงตนและลงมติร่างพ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 แทนจำเลย เป็นผลให้ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีที่จำเลยอาศัยโอกาสในการปฏิบัติงานในหน้าที่ของตนเป็นช่องทางในการแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง ถือได้ว่าเป็นปฎิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตแล้ว
การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตด้วย อย่างไรก็ตามมูลเหตุที่ทำให้จำเลยกระทำความผิดครั้งนี้เกิดจากจำเลยต้องไปเป็นวิทยากร ในงานเสวนาแบ่งปันความรู้บทบาทแม่ยุคดิจิทัลที่ห้องประชุมชั้น 5 สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ เลขที่ 1256/9 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ตามโครงการกิจกรรมเวทีสาธารณะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับแม่และเด็กในชุมชน หัวข้อเรื่องการเลี้ยงดูลูกในยุคสมัยดิจิทัล ที่จัดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … ซึ่งเป็นกฎหมายที่สำคัญ ประกอบกับร่างพ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว
พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องที่ไม่ร้ายแรงมากนัก เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำผิดหรือได้รับโทษจำคุกมาก่อนกรณีมีเหตุสมควรปรานีแก่จำเลยเพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำ เห็นควรลงโทษปรับจำเลยในสถานหนัก
พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพ.ร.บ.บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561มาตรา 172 จำคุก 1 ปี และปรับ 200,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 กรณีต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังไม่เกิน 1 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลเหตุคดีนี้คณะกรรมการป.ป.ช.ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาขอให้วินิจฉัยว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามพ.ร บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 ตามคดีหมายเลขดำที่ คมจ. 2/2564 ซึ่งอยู่ในระหว่างที่ศาลฎีกานัดพร้อมในวันที่16 ส.ค. นี้ เวลา 09.00 น. เพื่อรอฟังผลคดีนี้