วันอาทิตย์, กันยายน 29, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“บิ๊กป้อม”เป็นทหารตลอดชีวิต พูดจาโผงผางเสียงดังและยังเป็นโสด
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“บิ๊กป้อม”เป็นทหารตลอดชีวิต พูดจาโผงผางเสียงดังและยังเป็นโสด

เพจ “พล.อ.ประวิตร” โพสต์ภาพสมัยยังเป็นทหารหนุ่ม บอก “พี่ป้อมผู้รักแม่ และชอบชิม รบหนักไม่เคยอยู่หลังลูกน้อง” พร้อมกับเผยเหตุทำไมยังโสด

เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าแฟนเพจเฟซบุ๊ก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ General Prawit Wongsuwon ได้โพสต์ข้อความ กล่าวถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่า พี่ป้อม ‘ผู้รักแม่และชอบชิม’ รบหนักไม่เคยอยู่หลังลูกน้อง

หนังสือ “พี่ป้อม พี่ใหญ่ พี่ชายที่แสนดี” ซึ่งจัดทำขึ้นเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 76 ปี ของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติตั้งแต่ ชีวิตวัยเยาว์ ไลฟ์สไตล์ ช่วงเป็นนักเรียนเตรียมทหาร จนกระทั่งเข้ารับราชการทหาร และเข้าสู่การเป็นนักการเมือง หนังสือดังกล่าวจัดทำขึ้นจากน้องๆ ที่ทำงานด้วยกันมา ต้องการบันทึกเรื่องราวเบื้องลึก-เบื้องหลังชีวิตของพลเอกประวิตรไว้เป็นหนังสือ


เนื้อหาระบุว่า “พี่ป้อม” เป็นทหารมาตลอดชีวิต จึงค่อนข้างเคยชินกับการใช้คำพูดที่ดูโผงผางเสียงดัง ทำให้ดูเสมือนเป็นคนดุหรือเข้มงวดในเวลาทำงาน แต่ถ้ามีโอกาสสัมผัสชีวิตส่วนตัวของท่าน เมื่ออยู่นอกเวลางานแล้ว จะพบว่าเป็นคนอ่อนโยนอารมณ์ดี มีเมตตา ใครได้ใกล้ชิดจะรู้สึกสบายใจ ไม่ว่าจะเป็นญาติสนิทมิตรสหาย ผู้ใหญ่ ผู้น้อย ผู้ใต้บังคับบัญชา และมักจะกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่านเป็นคนที่รักเพื่อนพ้อง ลูกน้อง มีความเป็นผู้นำ เสียสละและเป็นผู้ให้ อีกทั้งเป็นผู้ประสานสิบทิศที่ทุกองค์การให้การยอมรับ


นอกจากนั้นยังเป็นผู้ที่ยึดมั่นในความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อย่างที่สุด เป็นลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการีอย่างยิ่ง รักครอบครัว รักเพื่อน รักลูกน้อง ชอบเล่นกีฬา ออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ ชอบทำบุญ ชื่นชอบในธรรมชาติ รักงานศิลปะ ชอบทำกับข้าว และมักหาอาหารอร่อยๆ ให้คนใกล้ชิดรับประทาน รวมทั้งมีสุนัขตัวโปรดเป็นเพื่อนเล่น แม้ปัจจุบันจะเข้ามาทำงานการเมือง ก็ไม่เคยเปลี่ยนวิถีชีวิตและการทำงานไปจากเดิม


หนังสือ ระบุว่า “พี่ป้อม” เกิดในครอบครัวทหาร มีคุณพ่อรับราชการเป็นนายทหารเหล่าทหารปืนใหญ่ คือ พลตรีประเสริฐ วงษ์สุวรรณ และ คุณแม่สายสนี วงษ์สุวรรณ โดยพี่ป้อมเป็นพี่ชายคนโต มีน้องชาย 4 คน เนื่องจากคุณพ่อมีภารกิจต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเป็นประจำ ทำให้คุณแม่สายสนีต้องดูแลลูกๆ ด้วยการหารายได้เสริม จึงต้องขายอาหาร เช่น ข้าวแกง อาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ข้าวต้มมัด กล้วยแขก และขนมอื่นๆ ซึ่ง “พี่ป้อม” ต้องทำหน้าที่นำอาหารไปขาย หรือส่งให้ลูกค้าตามสถานที่ต่างๆ ทำหน้าที่ลูกชายคนโตของบ้านและพี่ของน้อง


“ไม่ว่าคุณแม่จะพูดกับพี่ป้อมอย่างไร หรือในเรื่องอะไรก็ตาม พี่ป้อมจะถือคำพูดของคุณแม่ คำไหนเป็นคำนั้น แล้วจะเชื่อฟังและปฏิบัติทุกอย่างที่คุณแม่บอก และอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พี่ป้อมเชื่อฟังคุณแม่อย่างยิ่ง ก็เพราะมาคุณแม่พูดเรื่องอะไรก็ตาม ก็มักจะถูกเสมอ สิ่งที่พร่ำสอนเสมอคือให้กตัญญูต่อชาติ ต่อแผ่นดิน ต่อพระมหากษัตริย์ และต่อผู้มีพระคุณ อีกทั้งยังสอนในเรื่องของความซื่อสัตย์เสียสละจริงใจต่อมิตรสหาย ไม่เอารีดเอาเปรียบคนอื่น ให้รักครอบครัว โดยเฉพาะน้อง ต้องถือเป็นเรื่องสำคัญ”

สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็น ถึงความกตัญญูและความรักที่มีต่อครอบครัว คือการที่คงความเป็นโสดมาถึงปัจจุบัน ซึ่งหลายคนเคยสงสัยว่าทำไมถึงไม่แต่งงาน ซึ่งคนใกล้ชิดเล่าให้ฟังว่า เพราะพี่ป้อมเป็นห่วงว่าจะไม่มีคนดูแลคุณแม่ อดีตว่ากันว่าพี่ป้อมเคยมีแฟนที่เกือบจะแต่งงานกันอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่พี่ป้อมเป็นห่วงคุณแม่ กลัวว่าจะไม่มีเวลาให้ท่านอย่างเต็มที่ ประกอบกับพี่ป้อมมีชีวิตกับลูกน้อง ตามแนวชายแดนตลอด ทำให้ต้องตัดใจจากการมีชีวิตคู่ มาใช้ชีวิตอยู่กับคุณแม่

ในหนังสือดังกล่าวยังพูดถึง ความผูกพันระหว่าง 3 ป. โดยเฉพาะที่ดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองร้อย ที่กองพันหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ได้มีนายทหารรุ่นน้องสองคน มาพักรวมกันอยู่ที่บ้าน โดยพี่ป้อมจะแนะนำสั่งสอน ตลอดจนดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของน้องทั้งสองคนเป็นอย่างดี เป็นคนเข้าครัว ทำอาหารให้น้องทั้งสองคนทานเป็นประจำ ทำให้พี่น้องทั้งสามคนสนิทกันมาก มีความรักใคร่กลมเกลียว โดยยึดถือพี่ป้อมเป็นผู้ใหญ่ตลอดมา ซึ่งน้องสองคนนั้นคือ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นเอง


หนังสือระบุยังระบุถึง “พี่คราม” นายปัฐวาท ศรีสุขวงศ์ เพื่อนนักเรียนโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นเพื่อนรักที่คบหากันมากกว่า 60 ปี อีกทั้งครอบครัววงษ์สุวรรณ และครอบครัวศรีสุขวงศ์ สนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องของการทำบุญที่ “พี่ป้อม” และ “พี่คราม” ต่างก็เดินทางสายบุญด้วยกันมาหลายสิบปี

“พี่ป้อมกับพี่ครามสนิทกันมากเคยไปกินไปนอนที่บ้านใน กองพล ปตอ.เป็นประจำ ไปเตะฟุตบอลด้วยกัน ลอกการบ้านกัน กินข้าวฝีมือคุณย่าหรือคุณแม่สายสนี พี่ป้อมถึงจะตัวเล็ก แต่ใจนักเลง ไม่กลัวใคร และมีคุณพ่อเป็นนายทหาร ก็มักจะช่วยเหลือไม่ให้ใครมาข่มเหงรังแก เมื่อพี่ป้อม มารับราชการทหารก็ให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาหน่วยบ่อยมาก ในเรื่องสวัสดิการและเรื่องต่างๆ”

ความผูกพันของเพื่อนทั้งสองคนนี้มีมากจริงๆ อย่างตอนที่พี่ครามป่วย จนเดินแทบไม่ได้ พี่ป้อมจะกุลีกุจอถามไถ่น้องๆ ว่ามีหมอเก่งๆ ที่ไหน แล้วก็รีบให้ไปติดต่อทันที และยังช่วยเหลือดูแลด้วยตัวเอง จนอาการดีขึ้น สองคนนี้เขารักกันเหมือนพี่น้อง..

ในส่วนของไลฟ์สไตล์นั้น หนังสือระบุว่า พี่ป้อมเป็นคนที่มีวินัยดีมากตื่นแต่เช้าเวลา 4.00 น. วิ่งออกกำลังกายจากนั้นก็จะอาบน้ำแต่งตัวรับประทานอาหารเช้าเวลา 5.45 น. ทุกวันและก็จะเข้าที่ทำงานเพื่อทำงานทันที แม้ว่าปัจจุบันขณะดำรงตำแหน่งการเมือง ก็ยังตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกายเหมือนเดิม นอกจากนั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นพี่ป้อมสายบุญ โดยคนใกล้ชิดเล่าให้ฟังว่า สิ่งที่ต้องปฏิบัติเป็นกิจวัตร คือ การถวายสังฆทานเป็นประจำและใส่บาตรทุกวัน หรือหากวันใดที่ไม่สามารถทำด้วยตัวเอง ก็จะให้คนในบ้านดำเนินการแทน นอกจากนั้นยังเป็นคนที่รักธรรมชาติและศิลปะ สำคัญเป็นคนที่สนใจในเรื่องอาหารการกิน ชอบหาอาหารอร่อยๆ ให้เพื่อนๆ น้องๆ ได้รับประทาน ร้านที่พี่ป้อมแนะนำการันตีเลยว่าอร่อยจริง ปกติแล้วก็เป็นคนทานง่าย ตอนเช้าจะทานประเภทโจ๊ก หรือข้าวต้ม หรือข้าวราดแกงซึ่งคล้ายกับกับข้าวที่คุณแม่เคยทำให้ทานสมัยเด็กๆ และจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่โปรดปราน ชื่อ “ร้านรสเยี่ยม” อยู่แถวถนนมูลเมืองอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่


นอกจากนั้นในวันสบายสบายอยู่บ้าน ก็จะใช้ชีวิตส่วนตัวอยู่ที่บ้าน ด้วยการแต่งตัวสบายๆ หยอกเล่นกับสุนัขตัวโปรดพันธุ์ “เชาเชา” และด้วยความที่สุนัขพันธุ์เชาเชา มีขนยาวปุกปุย และไม่ถูกโฉลกกับอากาศร้อนในเมืองไทย พี่ป้อมถึงกลับติดเครื่องปรับอากาศให้ได้อยู่อย่างมีความสุข เรียกว่าพี่ป้อมใส่ใจในทุกเรื่อง ใส่ใจทุกสุขของลูกน้อง แม้ขนาดสุนัขก็ยังได้รับการใส่ใจขนาดนี้

ในส่วนของชีวิตช่วงศึกษาโรงเรียนเตรียมทหาร ด้วยความที่มีบุคลิกที่เป็นคนเมตตา ใจกว้างเสียสละ และเป็นเด็กกรุงเทพฯ จึงเป็นผู้ที่ดูแลเพื่อนพ้องตลอดหรือจะเรียกว่าหัวโจกก็ไม่แตกต่างกัน โดยเฉพาะวันหยุดก็จะพาเพื่อนๆ ที่อยู่ต่างจังหวัด แต่ไม่ได้กลับบ้าน มาพักผ่อนที่บ้านพัก คุณพ่อและคุณแม่ของพี่ป้อมจะคอยดูแลเรื่องอาหารการกินให้อิ่มหมีพีมันตลอดเวลา โดยพี่ป้อมจะชวนเพื่อนๆ มาเล่นฟุตบอล ในบางครั้งจะพาเพื่อนไปเล่นว่าวที่สนามหลวง และบางโอกาสก็ออกไปเที่ยวกันสนุกสนานแล้วกลับมานอนที่บ้าน พล.ปตอ.กัน


พี่ป้อมในฐานะทหารหนุ่ม เมื่อสำเร็จการศึกษาจาก รร.จปร. ได้ออกปฏิบัติงานสนามในพื้นที่ทุรกันดาร และมีปัญหาการก่อการร้าย โดยได้รับมอบภารกิจทำการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในพื้นที่บริเวณเทือกเขาภูพาน เขตรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้หมวดใหม่ ได้นำกำลังเข้าทำการลาดตระเวนหาข่าว ซุ่มโจมตี และปะทะผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์หลายครั้ง สามารถจับกุมและยึดอาวุธยุทโธปกรณ์พร้อมเอกสารสำคัญของผู้ก่อการร้ายได้เป็นจำนวนมาก

พื้นที่สำคัญที่ต้องการปฎิบัติภารกิจคือพื้นที่อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นพื้นที่ในเขตอิทธิพลของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ มีการปะทะอย่างรุนแรง

ขอบคุณเพจ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ General Prawit Wongsuwon

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img