“จุรินทร์” ชี้ไร้สัญญาณยุบสภา ยันยังไม่ปรับครม. พร้อมเห็นใจ “นิพนธ์” หวั่นข้าราชการท้อหากรักษาผลประโยชน์กลับถูกดำเนินคดี
วันที่ 3 ก.ย.65 ที่พรรคประชาธิปัตย์นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ลูกพรรคพลังประชารัฐออกมาพูดถึงโควต้ารัฐมนตรีของประชาธิปัตย์ รวมถึงจะมีสัญญาณการปรับครม. หรือไม่ ว่า ขณะนี้ไม่มีสัญญาณอะไร และตนไม่คิดว่าจะเกิดได้ง่าย ๆ ไม่มีความจำเป็นต้องไปถามอะไรในเรื่องนี้ เพราะในฐานะหัวหน้าพรรค ตนทราบกระบวนการในการดำเนินการเรื่องนี้มีใครบ้างที่เกี่ยวข้อง และคนที่ออกมาพูดก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นเพียงความเห็นหนึ่ง และก็ทราบว่าได้ออกมาขอโทษแล้ว
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร ได้มีการพูดคุยให้ความมั่นใจเกี่ยวกับการปรับ ครม. หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไร การปรับ ครม. เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้ส่งสัญญาณมายังพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะปรับในสัดส่วนของพรรคไหน ขณะนี้ประชาธิปัตย์ ก็มีหลักในการพิจารณา และมีหลักในการทำหน้าที่ของเรา เพราะถือว่าขณะนี้ประชาธิปัตย์อยู่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล กับพรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นกระบวนการในการดำเนินการใดๆ ก็ต้องดำเนินการในรูปแบบของรัฐบาลผสม ซึ่งมีกระบวนการของตัวเองอยู่แล้ว ประชาธิปัตย์ก็มีประสบการณ์ และมีหลักในการดำเนินการทางการเมืองในระบบรัฐสภา
เมื่อถามว่า ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ อย่างไร นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนได้ให้กำลังใจท่านตั้งแต่วันแรก และไม่จำเป็นต้องไปบอกให้ใครทราบ ตนสื่อสารให้ท่านรับทราบแล้ว และท่านก็ขอบคุณ เพราะตนคิดว่ากำลังใจเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนที่มีวุฒิภาวะในการทำงานร่วมกัน
นายจุรินทรฺ ยังกล่าวถึงกรณีนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ว่า เรื่องเนื้อหาในคดี ท่านนิพนธ์ ก็ยืนยันหลายครั้ง แม้แต่ทนายความของท่านซึ่งเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งของบ้านเมือง ท่านวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ก็ได้ยืนยันว่าไม่มีอะไรหนักใจ เพราะความถูกต้องมีอยู่ ท่านนิพนธ์ไม่ได้ทุจริต เพียงแต่ท่านไม่ยอมจ่ายเงินให้กับการจัดซื้อรถที่มีการฮั้วกัน เพราะฉะนั้นสิ่งนี้แทนที่จะเป็นการทุจริต กลายเป็นการรักษาผลประโยชน์ของทางราชการด้วยซ้ำ ซึ่งก็เป็นประเด็นที่ต้องสู้กันในศาล ท่านนิพนธ์ และทนายความของท่านก็ยืนยันชัดเจนต่อสาธารณะว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงสำหรับเนื้อหาของคดี และก็ว่ากันไปตามกระบวนการว่าจะไปจบตรงไหนอย่างไร ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ให้กำลังใจท่านนิพนธ์ เพราะถือว่าท่านรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ หากจ่ายเงินออกไปก็จะเป็นปัญหาอีกมุมหนึ่งว่ามีการฮั้วกันแล้วจ่ายได้อย่างไร เพราะฉะนั้นต้องเห็นใจท่านนิพนธ์ ต่อไปหากมีคนที่ใช้ดุลยพินิจถูกต้อง ที่ดี รักษาผลประโยชน์ทางราชการ ก็จะท้อถอย เสียกำลังใจ ซึ่งคดีนี้ก็จะเป็นข้อพิสูจน์ต่อไป