ไลอ้อน (ประเทศไทย) เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทาง ESG สอดคล้องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) พร้อมนำเทคโนโลยีดิจิทัล และ AI มาผสานกับ Energy Technology พร้อมสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050
ดร.กิตติวัตร โสมวดี รองผู้จัดการบริหารการผลิต บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อคนไทย มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจพัฒนาสินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อม มาตลอดระยะเวลา 56 ปี กล่าวว่า ไลอ้อนเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทาง ESG (Environment, Social, Governance) และ Sustainable Development Goals (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินกลยุทธ์การลดคาร์บอนแบบองค์รวม ครอบคลุมทุกกระบวนการผลิตและซัพพลายเชน จัดทำแผนการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยอ้างอิงแผนระดับประเทศ ได้แก่ Thailand Decarbonization Plan และแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan : PDP) มาจัดทำเป็นแผนเส้นทางการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Pathway Plan)
สำหรับกลยุทธ์สู่ Net Zero ได้ให้ความสำคัญกับ การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ได้แก่ การนำทรัพยากรและพลังงานกลับมาใช้ใหม่ การดำเนินการด้าน Zero Waste ลดของเสียฝังกลบเป็นศูนย์ (Zero Waste to Landfill) นำน้ำกลับมาใช้ใหม่ผ่านระบบ Cascade Water Management การพัฒนาน้ำเสียให้เป็นวัตถุดิบคาร์บอนต่ำ การใช้พลังงานสะอาด ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระบบการผลิตทั้งหมดเชื่อมต่ออยู่บน Digital Platform โดยมีการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรและการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ทุกผลิตภัณฑ์เป็นคาร์บอนต่ำ ส่งเสริมการคิดเชิงนวัตกรรม Think Better Kaizen เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด ตามแนวทางการพัฒนาธุรกิจ “เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพในทุกมิติ Technology For Health in All Policies” จุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีของพนักงาน ผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อม

บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบ AI มาใช้ในคาดการณ์และประเมินผลด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตรูปแบบต่าง ๆ แบบ Real-time เพื่อให้การใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีการตรวจสอบประสิทธิภาพของอุปกรณ์พลังงาน (Energy Equipment) ตามหลักวิศวกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้งาน เช่น Electrification และมีทีมงานศึกษาด้าน Climate Tech ที่จะเข้ามาในอนาคตตามแผนพัฒนาฯ ของประเทศ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนให้บริษัทมีการเติบโตอย่างยั่งยืน
ไลอ้อน ประเทศไทย เป็นผู้ผลิตน้ำยาล้างจานรายแรกของไทยที่ได้รับการรับรอง ฉลากลดโลกร้อน (Carbon Footprint Reduction: CFR) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ตั้งแต่ปี 2014 ทุกผลิตภัณฑ์ของไลอ้อนถูกพัฒนาตามแนวทางสู่ “ผลิตภัณฑ์ลดโลกร้อน” ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การผลิตจนถึงผู้บริโภค อาทิ ผลิตภัณฑ์ล้างจาน ไลปอนเอฟ สูตรอนามัย, ไลปอนกลิ่นชามะนาว, ผลิตภัณฑ์ซักผ้าโปร เปาวินวอซ เปาซิลเวอร์นาโน เปาเอ็มวอซ ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย ซอลส์ และโชกุบุสซึ
ที่ผ่านมา สามารถลดคาร์บอนฟุตพริ้นขององค์กร (CFO) ได้เฉลี่ย 66,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่า (CO2e) ต่อปี ตั้งแต่ปี 2022 – 2024 เทียบกับปีฐาน 2021 หรือ เทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 7 ล้านต้น และจากแผนงานการขับเคลื่อนธุรกิจที่ยั่งยืน ไลอ้อน ได้กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ใน Scope 1 และ 2 ลดลง 55% ภายในปี 2030 และก้าวสู่ Net Zero ภายในปี 2050 ส่วน Scope 1,2,3 ตั้งเป้าหมายลดลด 30 % ในปี 2030 และลดลง 50% ในปี 2050 ผ่านโครงการบริหารจัดการซัพพลายเชนที่ยั่งยืน
นอกจากการพัฒนาด้านกระบวนการผลิตแล้ว ได้ให้ความสำคัญกับ BCG (Bio-Circular-Green Economy Model) และการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและวิสาหกิจชุมชน พัฒนาการใช้ วัตถุดิบประจำท้องถิ่นมาเพิ่มคุณค่า นำเอาสมุนไพรไทย ได้แก่ สมอพิเภก สมอไทย มะขามป้อม ผักโมโรเฮยะ มาใช้ในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เช่น ยาสีฟันซอลส์ ตรีผลา ซอล์ส คิงเฮิร์บ เจลอาบน้ำโชกุบุสซึ เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ให้กับชุมชน ช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติ รักษาความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) และประเมินเป็นคาร์บอนเครดิตมุ่งสู่อนาคตสีเขียว ทำให้ทุกการเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ของไลอ้อน คือการร่วมลดโลกร้อน ร่วมสร้างโลกที่ยั่งยืนไปด้วยกัน

ด้านการสร้างสุขภาวะที่ดีให้สังคม ได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ ปันสุขสู่สังคม มาอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมและเสริมสร้างการมีสุขภาพที่ดี เพื่อให้เกิดความตระหนักด้านการดูแลสุภาพเชิงป้องกัน อาทิ โครงการส่งเสริมทันตกรรมป้องกัน โครงการ Happy Life & Happy Home ส่งเสริมสุขอนามัยที่ดีในชุมชน และยังดำเนินโครงการเกี่ยวกับคุณภาพการศึกษาที่ยั่งยืน ผ่านโครงการโครงการอาชีวะศึกษาระบบทวิภาคี มีการเรียนการสอนในโรงงานจากผู้มีประสบการณ์ทำงาน มอบทุนการศึกษาหลักสูตรแมคคาทรอนิกส์ ให้โอกาสการศึกษาสายอาชีพ เพื่อเป็นคนดีและคนเก่ง เป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไป