“สุรพงษ์” เตรียมชง 9 โครงการเมกะโปรเจกต์ค้างท่อ 6.6 แสนล้านบาทต่อรัฐบาลชุดใหม่ภายในปีนี้ หนุนระบบการเดินทาง-การขนส่งสินค้าทางราง
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ปัจจุบันกระทรวงฯ จะทยอยเสนอโครงการลงทุนระบบรางที่มีความพร้อมภายในเดือน ต.ค.นี้ เนื่องจากเป็นโครงการที่ค้างจากการพิจารณาในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดเก่า ซึ่งจะนำมาเสนอต่อการประชุม ครม.ชุดใหม่ ให้แล้วเสร็จภายในปีนี้
หลังจากนั้นจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการเปิดประกวดราคา พร้อมเร่งรัดก่อสร้างทันที เพื่อผลักดันเป้าหมายให้ระบบขนส่งทางรางสมบูรณ์และสนับสนุนการเดินทาง การขนส่งสินค้า เป็นการขนส่งหลักของประเทศตามเป้าหมายรัฐบาล
สำหรับโครงการสำคัญที่กระทรวงฯ จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เป็นแพ็กเกจระบบรางรวม 9 โครงการ มูลค่า 661,060.42 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ภายใต้กรอบความร่วมมือไทย-จีน ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา – หนองคาย ระยะทาง 356 กิโลเมตร รวมมูลค่าการลงทุน 341,351.42 ล้านบาท แบ่งเป็น
ค่างานโยธา 235,129 ล้านบาท ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและชดเชยทรัพย์สิน 10,310 ล้านบาท ค่าลงทุนระบบราง-ระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล 80,165 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาบริหารโครงการ ควบคุมงานและรับรองระบบ 10,060 ล้านบาท
“โครงการไฮสปีดเทรนไทยจีนเฟส 2 ปัจจุบันผ่านการพิจารณาจากบอร์ดการรถไฟฯ แล้ว คาดว่าหลังแถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จ น่าจะเสนอเข้า ครม.ได้ทันที ภายในเดือน ต.ค.นี้ เพื่อเดินหน้าประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างปลายปี 2567
และเร่งรัดให้งานโยธาของไฮสปีดเทรนสายนี้แล้วเสร็จใกล้เคียงกับระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา โดยคาดว่าจะสร้างเสร็จปลายปี 2571“ นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงฯ จะเสนอแพ็คเกจระบบรถไฟทางคู่ ระยะ 2 ที่ค้างจากการเสนอเข้า ครม.ชุดก่อนหน้า ซึ่งสถานะมีความพร้อมด้านผลศึกษาแล้ว รวม 6 เส้นทาง มูลค่า 298,060 ล้านบาท ประกอบด้วย
ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 281 กิโลเมตร วงเงิน 81,143 ล้านบาท. ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร วงเงิน 30,422 ล้านบาท, ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร วงเงิน 66,270 ล้านบาท
ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กิโลเมตร วงเงิน 68,222 ล้านบาท, ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กิโลเมตร วงเงิน 44,103 ล้านบาท และช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร วงเงิน 7,900 ล้านบาท
“โครงการไฮสปีดเทรนไทยจีนเฟส 2 ปัจจุบันผ่านการพิจารณาจากบอร์ดการรถไฟฯ แล้ว คาดว่าหลังแถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จ น่าจะเสนอเข้า ครม.ได้ทันที ภายในเดือน ต.ค.นี้ เพื่อเดินหน้าประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างปลายปี 2567
และเร่งรัดให้งานโยธาของไฮสปีดเทรนสายนี้แล้วเสร็จใกล้เคียงกับระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา โดยคาดว่าจะสร้างเสร็จปลายปี 2571“ นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงฯ จะเสนอแพ็คเกจระบบรถไฟทางคู่ ระยะ 2 ที่ค้างจากการเสนอเข้า ครม.ชุดก่อนหน้า ซึ่งสถานะมีความพร้อมด้านผลศึกษาแล้ว รวม 6 เส้นทาง มูลค่า 298,060 ล้านบาท ประกอบด้วย
ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 281 กิโลเมตร วงเงิน 81,143 ล้านบาท. ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร วงเงิน 30,422 ล้านบาท, ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร วงเงิน 66,270 ล้านบาท
ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กิโลเมตร วงเงิน 68,222 ล้านบาท, ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กิโลเมตร วงเงิน 44,103 ล้านบาท และช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร วงเงิน 7,900 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หากมีการผลักดันระบบรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ครบทั้งหมด กระทรวงฯ มั่นใจว่าจะสร้างขีดความสามารถให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในการบริการจัดหารระบบราง การหารายได้ทั้งขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร อีกทั้งส่วนสำคัญจะลดระยะเวลาในการเดินทางของประชาชนให้เชื่อมต่อทั่วประเทศได้เร็วขึ้น และตรงเวลา” นายสุรพงษ์ กล่าว
นอกจากนี้กระทรวงฯ จะเสนอโครงการส่วนต่อขยายรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้า ครม. เพื่อทำให้ระบบขนส่งสายนี้เชื่อมต่อชานเมืองเข้าสู่เมืองชั้นในอย่างสะดวก โดยจะเสนอโครงการสายสีแดง ช่วงรังสิต- มธ.ศูนย์รังสิต วงเงิน 6,473 ล้านบาท และส่วนต่อขยายสายสีแดง ช่วงศิริราช-ตลิ่งชัน-ศาลายา วงเงิน 15,176 ล้าน ซึ่งหากครม.อนุมัติ กระทรวงฯ จะเร่งรัดเปิดประมูลก่อสร้างได้ทันที