“สส.นนท์”พรรคประชาชน ห่วงใยการเปลี่ยนเงื่อนไขนิยาม “สถานบันเทิงครบวงจร” ให้กระชับ ทำให้บ่อนขนาดเล็กผุดราวอกเห็ด ชี้สุดท้ายจะกลายเป็นปัญหาเหมือนเพื่อนบ้าน
เมื่อวันที่ 9 ก.ย. นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ ส.ส.นนทบุรี พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก Nont Pisarnlimjaroenkit – นนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ เขียนแสดงความเห็นถึงความห่วงใย จับตาหมวดการอนุญาตให้ประกอบสถานบันเทิงครบวงจร เกี่ยวกับเรื่อง พ.ร.บ. การประกอบสถานบันเทิงครบวงจร Entertainment Complex(กาสิโน) “มาตรา 41 ให้สถานบันเทิงครบวงจรตั้งอยู่ในบริเวณเขตพื้นที่ตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาเท่านั้น โดยจะต้องประกอบไปด้วยธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้อย่างน้อยสี่ประเภท ร่วมกับกาสิโน ทั้งนี้ สัดส่วนพื้นที่ของกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจรให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด”
การเปลี่ยนเงื่อนไขนิยามให้หลวมกระชับและขนาดเล็กลง โดยกำหนดว่าทำอย่างน้อย 4 ประเภทจาก 10 ประเภทในบัญชีแนบท้าย ร่วมกับคาสิโน หมายความว่า 4+1(กาสิโน) ก็ทำได้แล้ว บัญชีแนบท้ายมีอะไรบ้าง(ทบทวน) 1. ห้างสรรพสินค้า 2.โรงแรม3. ร้านอาหาร ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ หรือบาร์ 4. สนามกีฬา5. ยอร์ชและครูซซิ่งคลับ6. สถานที่เล่นเกม 7. สระว่ายน้ำและสวนน้ำ 8. สวนสนุก 9. พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP และ10. กิจการอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด
พี่น้องประชาชนเห็นภาพเหมือนผมไหมครับ ท้ายที่สุดจะมีบ่อนเล็กๆ กระจายไปทั่วประเทศ แทนการมี Entertainment Complex(กาสิโน) ที่เราคาดหวังว่ามันจะดึงดูนักท่องเที่ยวแบบกลุ่ม แบบครอบครัวมาพักผ่อนเดินห้าง จับจ่ายใช้สอย เที่ยวแลนด์มาร์คต่างๆ เที่ยวสวนสนุก เที่ยวสวนน้ำ พาเด็กๆ ทำกิจกรรม ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็สิงคโปร์ที่พวกท่านนำมาเป็น ต้นแบบ
พอได้อ่าน “ร่าง พระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร” ของ ครม.แล้ว ผมก็ได้แต่คิดว่า Entertainment Complex(กาสิโน) ขนาด XL คงจะเกิดขึ้นจริง ไม่เกิน 2 แห่ง ที่คาดการว่าการลงทุน เป็นแสนล้าน ที่เหลือจะเป็นบ่อนขนาดเล็ก และน่าจะมีบ่อนขนาดเล็ก อีกหลายๆแห่ง ที่คลอดออกมาติดๆ กันตามเงื่อนไข พรบ.ของ ครม. เพราะฉะนั้นจะต่างอะไรจาก ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา ลาว พม่า ? อาจจะเข้าสู่สภาวะ ฝันสลาย? ที่ทุกวันนี้สร้างผลกระทบให้กับสังคมท้องถิ่นมากมาย ทั้งเรื่องอาชญากรรม ปัญหาหนี้ครัวเรือน ปัญหาแก๊งมาเฟียสีเทา ปัญหายาเสพติด
ขอตั้งข้อสังเขปเรื่องนี้ด้วยความห่วงใยประเทศชาติจริงๆ ครับ อยากให้ท่านกลับไปทบทวนกระบวนการขั้นตอนต่างๆให้สมบูรณ์แล้วค่อยเดินหน้า ดีกว่าดันทุรังแล้วอ้างแต่ข้อดี ที่หมกเม็ดอยู่ใต้พรหม แล้วให้”กลุ่มทุน”กระโดดโลดเต้นประกาศเป็นเจ้าของเสมือนว่าทำสัญญากันไว้ล่วงหน้าอย่างงั้น