“รุ่ง” ประเมินเงินบาทสัปดาห์หน้าคลื่อนไหวในกรอบ 33.75-34.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เกาะติดเงินเฟ้อ-ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของสหรัฐฯ เปิดสถิติ 1- 8 พ.ย.เงินบาทอ่อนนำโด่งภูมิภาค ขณะที่นักลงทุนเทขายหุ้น-พันธบัตร 2.45 หมื่นล้านบาท
น.ส. รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้าว่า เคลื่อนไหวในกรอบ 33.75-34.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยติดตามเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของสหรัฐฯ บอนด์ยิลด์ และราคาทองคำ
โดยประเมินว่าตลาดจะรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับความรุนแรงของนโยบายกีดกันการค้าที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐทจะปฏิบัติจริงต่อไป ขณะที่ราคาตลาดสะท้อนความกังวลเรื่องดังกล่าวไปแล้วบ้างส่วน เห็นได้จากค่าเงินดอลลาร์ที่กระชากขึ้น และเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือน รวมถึงเงินหยวนและเงินยูโรที่ร่วงลงหนักหลังผลเลือกตั้งประธานาธิบดีซึ่งพรรครีพับลิกันได้คุมเสียงในสภาคองเกรส ขณะที่นักลงทุนลดพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ตลาดเกิดใหม่เพื่อรอดูทิศทางนโยบายด้านต่างๆของสหรัฐฯ ผลกระทบต่อการค้าโลก เศรษฐกิจและเงินเฟ้อสหรัฐฯ
สำหรับการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาคช่วง 1 พ.ย.- 8 พ.ย. พบว่าสกุลเงินส่วนใหญ่อ่อนค่า นำโดย บาท-ไทย 0.79% รองลงมาเป็นวอน-เกาหลีใต้ 0.71% เปโซ-ฟิลิปปินส์ 0.48% หยวน-จีน 0.47% รูปี-อินเดีย 0.34% ดอลลาร์-สิงคโปร์ 0.20% ดอลลาร์-ไต้หวัน 0.16%ดอง-เวียดนาม 0.10% ริงกิต-มาเล เซีย 0.06% ยกเว้น รูเปียห์-อินโดนีเซียแข็งค่า 0.19% อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 4.5 พันล้านบาท และพันธบัตรสุทธิ 2 หมื่นล้านบาท
ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งสุดท้ายในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ คาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.25% ก่อนจะลดลงอีก 0.25% สู่ระดับ 2.00% ช่วงต้นปี 68 ส่วนการสรรหาบอร์ดธปท. ตลาดจะจับตาว่ามีการเปลี่ยนแคนดิเดตหรือไม่ อย่างไรก็ดี มองว่าผลกระทบระยะสั้นน่าจะจำกัด