“เปรียญสิบ” เคยพูดถึง “พุทธมณฑล” หลายครั้งว่า ปัจจุบันทรุดโทรมมาก ไม่หลงเหลือความยิ่งใหญ่ที่แสดงถึง “ความเจริญและก้าวหน้า” กิจการพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ที่ทำให้คณะสงฆ์และชาวพุทธไทยได้ภาคภูมิใจเหมือนในอดีตแล้ว
“เปรียญสิบ” เคยแวะไปเยี่ยมเยือนหลายครั้ง หอพระไตรปิฏกหินอ่อน ที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ ได้บรรจงอุทิศใจและกายรวบรวมทรัพย์ โดยไม่รบกวนงบประมาณรัฐ บัดนี้โทรม ฝ้าเพดาน พื้นกระเบื้องหลายแห่ง แตกกระจาย ไม่หลงเหลือให้เที่ยวชมความสวยงามเหมือนอดีตอีกแล้ว
กลายเป็นสถานที่อยู่อาศัยของ “ตัวเงินตัวทอง” และ “นกพิราบ”
“เปรียญสิบ” ไปล่าสุด ห้องน้ำที่รองรับนักท้องเที่ยว ที่สร้างโดยบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง หน้าองค์พระ มีถุงกระดาษทิ้งเกลื่อน ห้องน้ำสกปรก หลายห้องใช้การไม่ได้ พังเกือบหมดแล้ว
“พระคุณเจ้า” หลายรูปบอกว่า ยุคนี้เป็น “ยุคเสื่อม” ของพุทธมณฑลจริงๆ อาคารพิพิธภัณฑ์ที่ “หลวงพ่อเณร” ซ่อมแซมไว้หมดไปประมาณ 100 ล้านบาท ทรุดโทรมอีกแล้ว ไม่ได้ทำอะไรเลย
“เปรียญสิบ” คุยกับ “มส.” บางรูป ทั้งนักการเมืองบางคน พูดตรงกันว่า ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว หากคน “พศ.” ไม่ทำงาน หรือ “เกียร์ว่าง” หากจำเป็นต้องให้มา “ตบยุง” สำนักนายกฯก็ต้องทำ ไม่งั้นไปไม่รอด!!
หรือหากจำเป็นต้อง “พึ่งคนนอก” เพื่อให้มา “นำทัพ” องค์กรที่ดูแลพุทธศาสนาให้พุทธมณฑลมี “ชีวิตชีวา” เป็นสิ่งจำเป็น..ที่คนรับผิดชอบต้องนำไปคิด!!
“เปรียญสิบ” คิดทบทวน นโยบายพรรคเพื่อไทย ที่เข้ามาบริหารประเทศเกือบ 2 ปีแล้ว ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเพื่อพระพุทธศาสนา ตอน “แจ๋น-พวงเพ็ชร ชุนละเอียด” เข้ามาดูแลมอบนโยบายไว้ 7 ข้อ อยู่ประมาณ 1 ปี ก็ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม พอยุคนี้ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” มอบนโยบายไว้ 8 ข้อ รวมทั้งบูรณะและปรับภูมิทัศน์พระประธานประจำพุทธมณฑล ซึ่งก็ไม่รู้ว่า “ชูศักดิ์ ศิรินิล” อยู่ได้นานแค่ไหน เพราะสไตล์ “พรรคเพื่อไทย” ทุก 6 เดือนมีการประเมินผลงาน ทุก 1 ปี มักเปลี่ยนรัฐมนตรี
“เปรียญสิบ” ถามเจ้าหน้าที่ พศ. ว่า ทำไมไม่ปรับปรุงภูมิทัศน์ลานพระประธานพุทธมณฑล หรือพัฒนาพุทธมณฑล บอกว่าไม่มีงบประมาณ สุดท้าย “หลวงพ่อเณร” วัดศรีสุดาราม อาสาจะมาช่วยซ่อมแซมปรับภูมิทัศน์ลานพระประธานพุทธมณฑล โดยจะทำร่วมกับรัฐบาล
จริงเท็จไม่รู้มีคนมาเล่าว่า “พศ.” บอกว่าขอทำเอง รับบริจาคเอง แล้วเงินที่เหลือไปทำเป็น “กองทุนพัฒนาพุทธมณฑล” ต่อ เรื่องนี้จะรอดูว่า “นักการเมือง” จะเอาอย่างไรต่อ!!
“เปรียญสิบ” ฟังแนวคิดของ “หลวงพ่อเณร” วัดศรีสุดาราม ท่านมีวิสัยทัศน์กว้างไกลกว่า “นักการเมืองและข้าราชการประจำ” บางคนเสียอีก
ท่านบอกว่าการจะให้พุทธมณฑลมีรายได้ เลี้ยงตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณรัฐมาก ไม่ยาก มันต้องสร้างพุทธมณฑลให้เป็น “ซอฟต์พาวเวอร์” ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา
พร้อมยกตัวอย่างว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเที่ยววัดพระแก้ว วัดโพธิ์ท่าเตียน วัดอรุณราชวราราม ทำไม “พศ.” ไม่จับมือกับสมาคมมัคคุเทศก์ โรงแรม หลังจากเที่ยวกรุงเทพเสร็จให้มา “พุทธมณฑล” โดยพัฒนาพุทธมณฑลให้มี “FOOD CENTER” นำสินค้าโอทอปมาทุกจังหวัด พร้อมกับพัฒนาอาคารพิพิธภัณฑ์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ให้มากราบพระประธาน พาชมสิ่งสำคัญทางพระพุทธศาสนาภายในพุทธมณฑล แบบนี้พุทธมณฑลจะเลี้ยงตัวเองได้
“เปรียญสิบ” คิดถึงคำพูดของ “มส.” รูปหนึ่งว่า ในอดีตผู้นำสงฆ์หลายประเทศ คิดอยากจะมาสร้างวัด เพื่อเป็นสถานที่รองรับพวกท่านเวลาเดินทางมาประเทศไทยที่พุทธมณฑล แต่มี กรรมการ มส. บางรูปไม่เห็นด้วย พร้อมแนะนำให้ไปสร้างวัดนานาชาติที่เขาอีโต้ จ.ปราจีนบุรีโน้น แผนนี้จึงพับไป
“เปรียญสิบ” เคยเสนอแม้กระทั้งว่า ศูนย์บัญชาการคณะสงฆ์ ควรมาตั้งที่พุทธมณฑล ทั้ง สำนักแม่กองธรรม บาลี หรือแม้กระทั่ง “สมเด็จพระสังฆราช” ก็ควรมาประทับที่พุทธมณฑลด้วยซ้ำไป หรือแม้กระทั่งที่ว่า “พศ.” ควรผลิตผ้าไตรจีวร บาตร ที่ถูกต้องตามหลักวินัยเอง สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทุกวันนี้พุทธมณฑล หลายคนจึงกล่าวว่าเป็นแค่ “แดนสนธยา” อาคารสถานที่เคยมีนักท่องเที่ยวไปชมไปดู ใช้ทำกิจกรรม เป็นศูนย์รวมของชาวพุทธ หลายแห่งใช้การไม่ได้ พังหมดแล้ว!!
ยุคนี้พุทธมณฑล จึงเป็นแค่สถานที่ออกกำลังกายและปั่นจักรยาน เท่านั้น!!
……………….
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย… “เปรียญสิบ”: [email protected]