โฆษกราชทัณฑ์เผย 20 เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่อโดน “พักราชการ/ออกจากราชการ” หลังพบหลักฐานบินไปมาเก๊าจริง ขณะที่ดีเอสไอและนิติวิทย์เข้าสอบสวนเชิงลึกประเด็นรับโอนเงินและเบิกตัวผู้ต้องขังเพื่อสรุปผลการดำเนินคดี.
จากกรณีนางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม มีคำสั่งโยกย้าย นายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ภายหลังการจู่โจมตรวจค้นภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งพบเจ้าหน้าที่บางรายเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดนั้น กรมราชทัณฑ์ได้ออกเอกสารชี้แจงว่า จากผลการตรวจค้นพบความผิดปกติในการควบคุมและปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง จึงมีคำสั่งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมให้ผู้ตรวจราชการกรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด เพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงาน
เบื้องต้นพบว่ามีผู้ต้องขังชาวจีนบางรายมีอิทธิพลเหนือผู้ต้องขังอื่น จนสร้างความไม่พอใจและนำไปสู่การแจ้งเบาะแสมายังกรมราชทัณฑ์ ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ยืนยันว่าจะดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด หากพบเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดจริง ขณะเดียวกัน อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมีนายไพฑูรย์ มงคลหัตถี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรม เป็นประธาน ร่วมกับดีเอสไอและสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เข้าตรวจสอบหลักฐานภายใน “ห้องลับใต้บันได” ในวันที่ 24 พ.ย. ตามที่ปรากฏเป็นข่าว
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 พ.ย.บรรยากาศบริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถนนงามวงศ์วาน มีสื่อมวลชนหลายสำนักปักหลักติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะเข้าทำการสอบสวนเจ้าหน้าที่เรือนจำและตรวจเก็บพยานหลักฐานสำคัญ
นายยุทธนา นาคเรืองศรี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ ในฐานะรักษาการ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เพื่อสนับสนุนการตรวจเก็บพยานหลักฐานจากห้องลับใต้บันได โดยพื้นที่ดังกล่าวถูกซีลไว้แล้ว และจะนำผลตรวจทั้งหมดเสนอคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในวันที่ 25–26 พ.ย. พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม จะออกมาแถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่เรือนจำจำนวน 20 ราย ที่ถูกคำสั่งย้าย และขณะนี้เริ่มมีพยานหลักฐานชัดเจน ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงคำสั่งเพิ่มเติม เช่น พักราชการหรือให้ออกจากราชการชั่วคราว โดยรมว.ยุติธรรมให้ความสำคัญกับความโปร่งใสอย่างยิ่ง ทั้งยังพบข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางไปต่างประเทศของเจ้าหน้าที่บางกลุ่มโดยไม่แจ้ง รวมทั้งการเดินทางไปมาเก๊าของบางรายที่มีความชัดเจนมากขึ้น
ด้าน พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ กองคดีความมั่นคง จะเข้าสอบสวนเจ้าหน้าที่เรือนจำที่รับผิดชอบงานด้านเอกสาร สวัสดิการ และการควบคุมผู้ต้องขัง เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบการเยี่ยม การโอนเงิน และเอกสารที่เกี่ยวข้อง พร้อมศึกษาสำนวนสอบสวนเบื้องต้นจากคณะกรรมการของกรมราชทัณฑ์ โดยเฉพาะคำให้การของเจ้าหน้าที่ทั้ง 20 ราย ผู้ต้องขังชาวจีน 2 ราย และนางแบบชาวจีนอีก 2 ราย รวมถึงการรวบรวมรายการพยานวัตถุจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
หากดีเอสไอเห็นว่าจำเป็นต้องสอบสวนเพิ่มเติม จะออกหมายเรียกเจ้าหน้าที่ทั้ง 20 รายเข้ามาให้ถ้อยคำอีกครั้ง โดยเฉพาะประเด็นเส้นทางการเงิน นอกจากนี้ ยังจะประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อตรวจสอบประวัติการเดินทางเข้า-ออกประเทศย้อนหลังของนายมานพ ชมชื่น ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
พ.ต.ท.อนุรักษ์ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่จะตรวจสอบความผิดปกติ หากพบเจ้าหน้าที่เรือนจำทั้ง 20 รายเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ดีเอสไอจะสรุปสำนวนส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนตามขั้นตอนต่อไป
เวลา 09.35 น. รถตู้ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ 2 คัน ได้เคลื่อนตัวเข้าไปภายในเรือนจำเพื่อเก็บพยานหลักฐานจากห้องลับใต้บันได ขณะที่รถของดีเอสไอได้เดินทางเข้าสู่พื้นที่ก่อนหน้านั้นในเวลา 09.30 น. เพื่อร่วมทำงานสอบสวนในคดีอื้อฉาวดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
