บอร์ดกบร.เคาะขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก 6 ท่าอากาศยานที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ทอท.จาก 730 บาทต่อคน เป็น 1,120 บาทต่อคนมีผลปี 69
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กบร.) เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ธ.ค.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ปรับเพิ่มค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charge: PSC) รวม 6 ท่าอากาศยานที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ทอท.ซึ่งจะมีผลทำให้ค่าธรรมเนียมดังกล่าวปรับขึ้นจากปัจจุบันเก็บที่ 730 บาทต่อคน เป็น 1,120 บาทต่อคน
อย่างไรก็ดี ภายหลังที่ประชุม กบร.อนุมัติแล้ว คาดการณ์ว่า ทอท.จะใช้เวลาจัดทำข้อมูล และหารือร่วมกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และเสนอที่ประชุมอีกครั้งเพื่อลงนามประกาศ โดยหลังจากลงนามคาดว่าอีก 4 เดือนหลังจากนั้นจะมีผลบังคับใช้ ดังนั้นผู้โดยสารที่เดินทางออกนอกประเทศไทย ในช่วงต้นปี 2569 จะถูกจัดเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นราว 390 บาท
ทั้งนี้ ทอท.ประเมินว่าจากปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางออกผ่านท่าอากาศยานของ ทอท.ทั้ง 6 แห่ง เฉลี่ยอยู่ที่ราว 35 ล้านคน ดังนั้นเมื่อมีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น คาดว่าจะเพิ่มรายได้ให้ ทอท.ราว 1 หมื่นล้านบาทต่อปี โดย ทอท.จะนำรายได้ส่วนนี้ไปพัฒนาบริการท่าอากาศยานต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุนขขยายขีดความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้
นอกจากนี้ ที่ประชุม กบร. ยังอนุมัติให้กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ปรับค่าบริการสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศเป็นไม่เกิน 425 บาทต่อครั้ง จากเดิม 400 บาท และสำหรับเส้นทางภายในประเทศเป็นไม่เกิน 75 บาทต่อครั้ง จากเดิม 50 บาท โดยจะเริ่มจัดเก็บได้เมื่อท่าอากาศยานตรัง ติดตั้งระบบ CUPPS และอุปกรณ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 พร้อมเปิดให้บริการครบ 3 ระบบ ได้แก่ CUTE, CUSS และ CUBD
ทั้งยังต้องผ่านการตรวจสอบความพร้อมโดย กพท. และแจ้งผู้โดยสารล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 4 เดือนก่อนเริ่มเก็บค่าบริการในอัตราใหม่ ปัจจุบันมีสนามบินในสังกัด ทย.ทั้งหมด 6 ท่าอากาศยาน ได้แก่ สนามบินกระบี่ สนามบินสุราษฎร์ธานี สนามบินอุบลราชธานี สนามบินขอนแก่น สนามบินนครศรีธรรมราช และสนามบินพิษณุโลก ที่เก็บค่าบริการในอัตรานี้
