ส.อ.ท.หวั่นยุบสภากระทบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มาตรการ Quick Big Win ฉุดจีดีพีไตรมาส 4 ร่วง ฝากปลัดกระทรวงต่าง ๆ เดินหน้าทำงานที่คั่งค้างอยู่ไม่ควรปล่อยล่อยเกียร์ว่างช่วงเปลี่ยนผ่านการเมือง
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยประกาศการยุบสภาว่า ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้ส่งสัญญาณและพูดถึงเงื่อนไขไว้แล้วก่อนหน้า แต่ที่แปลกใจเล็กน้อยคือ พรรคประชาชน เป็นฝ่ายยื่นเรื่องยุบสภา แทนที่จะเป็นพรรคเพื่อไทย เนื่อง จาก พรรคประชาชนไม่พอใจและถือว่าเป็นการผิดข้อตกลง MOA อาจเป็นผลมาจากการที่มีการประสานและแจ้งไปยังพรรคประชาชนว่าให้คงอำนาจของวุฒิสภา (สว.) ไว้ก่อน ทำให้พรรคประชาชนมองว่าเป็นการฉีก MOA
ทั้งนี้เห็นว่าการยุบสภาและเข้าสู่ช่วงรัฐบาลรักษาการที่เป็นเวลาประมาณ 60 วัน อาจส่งผลกระทบต่อความเข้มข้นในการขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจ มาตรการ Quick Big Win ที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โดยเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวการคลัง ออกมาเพื่อหวังไม่ให้เศรษฐกิจไทยเหมือน รถติดหล่ม มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ประกาศว่าจีดีพี ในไตรมาสที่ 3 เหลือเพียง 1.2% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 0.5%
แม้ว่ามาตรการเหล่านี้จะถือว่าทำได้ดีแล้วและได้ผลตอบรับที่ดีในช่วงต้น แต่จำเป็นต้องคอยติดตามว่าการเป็น รัฐบาลรักษาการ จะส่งผลอย่างไร และจะลดความเข้มข้นในการเดินมาตรการเหล่านี้หรือไม่รับปัญหาใหญ่ยังคาคาซังหลายด้าน และอาจส่งผลกระทบต่อจีดีพีไตรมาส 4 ทั้งเรื่องสถานการณ์ภาคใต้ ที่อยู่ในระหว่างการฟื้นฟูหลังจากประสบอุทกภัยอย่างหนักทั้ง 9 จังหวัด การที่รัฐบาลเป็นรักษาการอาจส่งผลให้การเร่งฟื้นฟูเกิดความล่าช้าหรือสะดุดไปได้
รวมถึงการปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา สถานการณ์การปะทะรอบ 2 ยังคงทวีความรุนแรงและกินบริเวณกว้าง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้า การท่องเที่ยว และภาคการเกษตรในจังหวัดชายแดนหลายแห่งในภาคอีสาน ทำให้ประชาชนหลายแสนคนต้องอพยพ และนิคมอุตสาหกรรมบางแห่งต้องหยุดดำเนินการ
ตลอดจนการเจรจาระหว่างประเทศ ในการเจรจาสำคัญระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ถือเป็นการบ้านใหญ่ ที่ยังคงค้างและชะลออยู่ หากมีการเจรจาหรือติดต่อจากนาย โดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เข้ามาในช่วงนี้ ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีข้อจำกัดหรือเป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจหรือไม่
ทั้งนี้เห็นว่า รัฐบาลรักษาการและรัฐบาลอำนาจเต็มนั้นไม่เหมือนกัน จากประสบการณ์ในอดีตของไทยพบว่า ทันทีที่รัฐบาลประกาศยุบสภา ข้าราชการประจำส่วนใหญ่มักจะปล่อยเกียร์ว่าง หรือผ่อนคันเร่งในการทำงานลง เนื่องจากต้องรอจับตาดูสถานการณ์และท่าทีว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลชุดหน้า ทำให้มาตรฐานการทำงานและอำนาจในการสั่งการกับข้าราชการประจำลดลง
ดังนั้นส.อ.ท. จึงฝากให้ปลัดกระทรวงต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาช่วยดำเนินการการบ้านที่ค้างอยู่เหล่านี้อย่างเข้มข้นต่อไป ดังนั้น ในช่วงนี้จะต้องจับตาว่านโยบายหรือมาตรการต่างๆ ที่ประกาศและอนุมัติไปแล้วจะมีการขับเคลื่อนได้เต็มที่หรือไม่
