หน้าแรกNEWS “พีระพันธุ์” จี้รัฐเด็ดขาด หยุดส่งน้ำมันไปกัมพูชา ชี้เข้าข่ายผิดอาญามาตรา 122

 “พีระพันธุ์” จี้รัฐเด็ดขาด หยุดส่งน้ำมันไปกัมพูชา ชี้เข้าข่ายผิดอาญามาตรา 122

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ แสดงความกังวล กระแสข่าวบริษัทไทยยังส่งน้ำมันให้กัมพูชาท่ามกลางสถานการณ์ความมั่นคงตึงเครียด ย้ำเป็นยุทธปัจจัยสงคราม เรียกร้องรัฐเลิกขอความร่วมมือ ต้องจับกุมดำเนินคดีทันที พร้อมจี้นายกฯใช้อำนาจ สมช. สั่งห้ามอย่างเด็ดขาด

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แสดงความกังวลต่อกระแสข่าวในช่วงหลายวันที่ผ่านมา กรณีบริษัทน้ำมันของไทยยังมีการส่งน้ำมันไปยังประเทศกัมพูชา ทั้งที่ประเทศไทยกำลังเผชิญสถานการณ์ตึงเครียดด้านความมั่นคง

นายพีระพันธุ์ระบุว่า ได้ติดตามรายงานข่าวจากสื่อมวลชน ซึ่งระบุว่ากองทัพเรือกำลังแก้ไขปัญหาเรือไทยที่ลำเลียงน้ำมัน โดยใช้วิธีอ้อมผ่านประเทศสิงคโปร์ หรือไปรับน้ำมันจากสิงคโปร์ก่อนนำไปส่งต่อให้กัมพูชา พร้อมมีการชี้แจงว่าอยู่ระหว่างขอความร่วมมือจากเจ้าของเรือไม่ให้ดำเนินการดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายพีระพันธุ์ตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดรัฐจึงเลือกใช้วิธีขอความร่วมมือ ทั้งที่การกระทำลักษณะนี้เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 122 อย่างชัดเจน ซึ่งบัญญัติว่า การอุปการะ สนับสนุน หรือช่วยเหลือการดำเนินการรบ หรือการตระเตรียมการรบของข้าศึก ถือเป็นความผิดร้ายแรง และหากการกระทำนั้นทำให้ข้าศึกได้เปรียบในการรบ มีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต โดยไม่จำเป็นต้องรอการประกาศกฎอัยการศึก

นายพีระพันธุ์ย้ำว่า น้ำมันถือเป็นยุทธปัจจัยหลักของสงคราม และในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีเหตุผลใดที่จะเชื่อได้ว่าน้ำมันที่ถูกส่งออกไปจะไม่ถูกนำมาใช้ในการต่อสู้กับประเทศไทย

หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติกล่าวต่อว่า สิ่งที่รัฐควรดำเนินการไม่ใช่การขอความร่วมมือ แต่ต้องจับกุมและดำเนินคดีทันที ทั้งผู้ควบคุมเรือ เจ้าของเรือ และบริษัทที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากสามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจนว่า เรือไทย บริษัทขนส่ง หรือบริษัทค้าน้ำมันรายใดมีพฤติกรรมเข้าข่ายสนับสนุนยุทธปัจจัยให้ข้าศึก พร้อมเรียกร้องให้รัฐประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ผู้ใดส่งน้ำมันหรือยุทธปัจจัยให้กัมพูชา ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ถือเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย และต้องถูกดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด

นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีการตรวจสอบรถบรรทุกน้ำมันทุกคันที่ผ่านด่านช่องเม็กอย่างเข้มงวดโดยไม่มีข้อยกเว้น ทั้งการตรวจเอกสารการส่งออก การตรวจสอบปลายทางที่แท้จริง ผู้รับสินค้า และวัตถุประสงค์การใช้งาน รวมถึงการควบคุมตัวและสอบปากคำคนขับรถทุกคันเมื่อเดินทางกลับเข้าประเทศ เพื่อยืนยันปลายทางสุดท้ายของการขนส่ง

นายพีระพันธุ์กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีสามารถใช้อำนาจได้ทันที ทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรีและประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในการออกคำสั่งหรือกำหนดนโยบายห้ามการกระทำลักษณะดังกล่าวอย่างเด็ดขาด แต่จนถึงขณะนี้กลับยังไม่มีคำสั่งใดออกมา กลับเลือกใช้วิธีขอความร่วมมือจากภาคเอกชน ทั้งที่ทหารไทยต้องยืนอยู่แนวหน้า เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องประเทศ

พร้อมย้ำว่า ขณะนี้ไม่ใช่เวลาของความลังเลหรืออ้อมค้อม แต่เป็นช่วงเวลาที่รัฐต้องใช้มาตรการที่เด็ดขาด เพื่อประเทศ เพื่ออธิปไตย และเพื่อไม่ให้การเสียสละของทหารไทยต้องสูญเปล่า

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img