‘อนุทิน’ ย้ำโหวตนายกฯ “ภท.” ย้ำไม่เอาแก้ ‘ม.112’ ไม่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แง้มพรรคร่วมรัฐบาลเดิมยังไม่ปิดประตู ชี้ควรโหวตรอบเดียว
เมื่อวันที่ 10 ก.ค.66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมส.ส.พรรคภูมิใจไทย ในวันที่ 11 ก.ค.นี้ว่า เป็นการประชุมส.ส.ครั้งแรก หลังมีพิธีเปิดประชุมรัฐสภา ทั้งนี้ในการประชุมส.ส.พรรคภูมิใจไทยวันดังกล่าวจะหารือเรื่องการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี และสถานการณ์การเมืองว่าจะมีทิศทางอย่างไรในการลงมติเรื่องต่างๆอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคภูมิใจไทยมีท่าทีอย่างไรต่อการโหวตเลือกนายกฯ ที่มีการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตจากพรรคก้าวไกล จะงดออกเสียงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยเคยออกแถลงการณ์ชัดเจนแล้ว โดยที่ไม่ได้ระบุชื่อบุคคล เพราะทุกคนที่เป็นส.ส.ที่ได้รับเลือกจากประชาชน เราจึงต้องดูเรื่องประสบการณ์และแนวทางของพรรคการเมืองว่าเป็นอย่างไร เราจะไปด้วยได้หรือไม่ เพราะอะไร ซึ่งเราต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ
เมื่อถามว่า ถ้ามีการยืนยันเสนอชื่อนายพิธา พรรคภูมิใจไทยจะให้โหวตกี่ครั้ง นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ทราบ
ต่อข้อถามว่า กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคุณสมบัติของนายพิธาจะกระทบการลงมติของ ส.ส.พรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เพราะไม่ใช่เรื่องที่เราเกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า มองท่าทีของพรรคก้าวไกลอย่างไร ต่อการเดินสายและนัดรวมประชาชนเพื่อให้ช่วยเรียกร้องส.ส.และส.ว. เลือกนายพิธาเป็นนายกฯ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่เขาจะสื่อสารเรื่องต่างๆ แต่ละพรรคต่างมีแนวทาง เราคงไปวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ แต่เดี๋ยวทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ไม่มีความวุ่นวาย ไม่เกิดความเสียหายใดๆ
ต่อข้อถามว่า แสดงว่าส.ส.และส.ว.จะไม่กลัวการถูกล่าแม่มดในภายหลังการโหวตนายกฯ ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทำไมต้องกลัว ส.ส.และส.ว.เป็นผู้มีวิจารณญาณและมีเอกสิทธิ์ แต่ตนไม่ทราบว่าแต่ละคนจะมีความเห็นเป็นอย่างไร สำหรับคำว่ากลัว คำว่าขู่ ทำกันไม่ได้อยู่แล้ว เพราะไม่มีประโยชน์ และสร้างความแตกแยก ทุกคนต่างมีจุดยืนอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงขณะนี้คิดว่าพรรคที่ได้เสียงมากจะจัดตั้งรัฐบาลได้อยู่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องให้กำลังใจทุกคน ถ้าจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างราบรื่น ก็เป็นผลดี ส่วนทำอย่างไรให้ราบรื่นและได้รับการสนันสนุนจากทุกฝ่าย ถ้าตรงไหนถอยได้ก็ถอยบ้าง
เมื่อถามว่า ซีกพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ยังคาดหวังจะเกิดการพลิกผันได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ซีกไหน เพราะทุกซีกจบไปตั้งแต่การเลือกตั้งแล้ว และขณะนี้มีการรับรองส.ส.แล้ว จึงถือว่ายังไม่มีฝ่ายค้านหรือรัฐบาล มีแต่พรรคการเมืองซึ่งแต่ละพรรคมีจุดยืนอย่างไร อย่างพรรคภูมิใจไทยมีจุดยืนตามแถลงการณ์ คือไม่เอาการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อย ก็ชัดเจนในตัวเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีหลักการเป็นอย่างนี้ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย 71 เสียงจะโหวตให้ใคร นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องฟังว่าในวันโหวตจะเสนอใครเป็นนายกฯ พรรคภูมิใจไทยเป็นอันดับ 3 ยังไม่มีส่วนเป็นเจ้าภาพในการจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล และเคนดิเดตนายกฯ เป็นของพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทยจะรับได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องดูว่าพรรคเพื่อไทยจะร่วมกับใคร พรรคภูมิใจไทยไม่ได้บอกว่าจะรับ หรือไม่รับตัวบุคคล แต่เราพูดถึงแนวทางและนโยบายของพรรคการเมืองว่าพรรคไหนร่วมงานกันได้ ซึ่งเราต้องรอให้ถึงวันนั้นก่อน
เมื่อถามว่า การโหวตเลือกนายกฯ ควรมีกี่ครั้งจึงจะเหมาะสม และทำให้การเมืองเดินหน้าต่อไปได้ นายอนุทิน กล่าวว่า ควรโหวตครั้งเดียว และเมื่อได้ผู้นำรัฐบาล ตามหลักประชาธิปไตยถ้าใครได้รับเสียงข้างมากตามรัฐธรรมนูญ คือ 376 เสียง เราก็ต้องยอมรับ และถ้าตรงนั้นไม่มีพรรคภูมิใจไทย เราก็ต้องเป็นฝ่ายค้าน เราเคารพกติกาทุกอย่าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าโหวตครั้งแรกไม่ผ่าน และถ้ามีการโหวตครั้งที่ 2 แต่ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็ไม่ควรมีครั้งต่อไปใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อยู่ที่บทบัญญัติ ก็ต้องไปตีความกัน และอยู่ที่ประธานสภาฯว่าจะวินิจฉัยอย่างไร ส่วนการวินิจฉัยจะมีความเห็นชอบของสมาชิกรัฐสภาด้วยหรือไม่ ก็ต้องไปตีความ
เมื่อถามว่า ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลเดิมได้พูดคุยถึงทิศทางโหวตเลือกนายกฯหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้นัดพูดคุย ทุกคนก็รอดูว่าจําเป็นต้องโหวตไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ซีกเดิมไม่มีอยู่แล้ว มันจบไปแล้ว ถ้ามารวมตอนนี้ ก็มี 188 เสียง พรรคภูมิใจไทยบอกแล้วว่าจะไม่ยอมให้ได้รัฐบาลมาโดยมีเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่ง
เมื่อถามอีกว่า เป็นการปิดประตูของซีกนี้เลยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าบอกว่าปิดประตูเลย แต่เราต้องทําตามระบอบประชาธิปไตย ต้องมีเสียงข้างมากในสภาฯก่อน ถ้า 188 เสียงไปรวมกัน และแม้มีเสียงจากส.ว.มาโหวตให้ เราจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แล้วต่อไปจะทำงานอย่างไร ก็จะไม่พ้นลาออกหรือต้องยุบสภาซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนและงบประมาณอีก
