หน้าแรกHighlightกองทัพย้ำปฏิบัติการยึด“กฎหมายสากล” รับมือเขมรส่งสัญญาณสงครามระยะยาว

กองทัพย้ำปฏิบัติการยึด“กฎหมายสากล” รับมือเขมรส่งสัญญาณสงครามระยะยาว

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ผช.ผบ.ทอ.ชี้วาทกรรมไม่อาจแทนข้อเท็จจริง ย้ำกองทัพไทยปฏิบัติบนความชอบธรรม พร้อมตอบโต้หากถูกละเมิดอธิปไตย รอความชัดเจนการเจรจาหยุดยิงผ่านกลไกการทูต

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ไทย–กัมพูชา สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พล.อ.อ.ประภาส สอนใจดี ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผช.ผบ.ทอ.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ออกมาส่งสัญญาณสู้รบและประกาศยุทธศาสตร์สงครามระยะยาวกับประเทศไทยว่า เป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นถ้อยแถลงจากผู้นำระดับสูงของกัมพูชา ซึ่งมีผลต่อการสร้างความเชื่อและทัศนคติภายในประเทศของเขา

พล.อ.อ.ประภาส ย้ำว่า ประชาชนไทยและประชาชนกัมพูชาไม่มีความขัดแย้งต่อกัน สารที่ฝ่ายกัมพูชาสื่อสารออกมาในขณะนี้เป็นการสร้างการมีส่วนร่วมทางการเมืองภายในประเทศของตน พร้อมยืนยันว่าการปฏิบัติการของกองทัพไทยทั้งหมดเป็นไปตามหลักความชอบธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยกองทัพไทยไม่เคยใช้โล่มนุษย์หรือใช้อาวุธโจมตีในพื้นที่พลเรือนแต่อย่างใด

“การใช้วาทกรรมหรือโฆษณาชวนเชื่อ ไม่ใช่สิ่งที่ประชาคมโลกเชื่อถือ สิ่งที่ชาวโลกให้ความสำคัญคือข้อเท็จจริงและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่ประเทศไทยยึดถือ เราไม่จำเป็นต้องตอบโต้วาทกรรมใด ๆ แต่ต้องยืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้อง ขอให้มั่นใจว่าผู้นำประเทศและกองทัพไทยพร้อมปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องประชาชน หากมีการรุกล้ำอธิปไตย กองทัพจะตอบโต้อย่างเหมาะสม และดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าฝ่ายกัมพูชาจะยอมรับข้อเสนอของไทย” พล.อ.อ.ประภาส กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งฝ่ายกัมพูชาเสนอขอหยุดยิงในเวลา 22.00 น. ของวันที่ 22 ธ.ค.2568 ขณะที่ผู้นำจิตวิญญาณของกัมพูชากลับส่งสัญญาณไปในทิศทางตรงกันข้าม จะส่งผลให้การทำงานของกองทัพยุ่งยากหรือไม่ พล.อ.อ.ประภาส กล่าวว่า ไม่เป็นอุปสรรค โดยขอให้รอฟังคำแถลงอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมยืนยันว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงยังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่กำลังพลแนวหน้ายังคงสามารถควบคุมพื้นที่ได้ แม้จะต้องยืนอยู่บนความเสี่ยง ซึ่งเป็นบทเรียนที่กองทัพไทยเผชิญมาแล้วหลายครั้ง

“ที่ผ่านมา มีการประกาศหยุดยิง แต่ในทางปฏิบัติกลับยังเกิดการปะทะและการซุ่มโจมตี ซึ่งสะท้อนถึงประเด็นเรื่องความจริงใจ เห็นใจผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ และขอยืนยันว่าการดำเนินการทุกอย่างของกองทัพเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล” พล.อ.อ.ประภาส กล่าว

สำหรับการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา (GBC) ในวันที่ 24 ธ.ค.2568 พล.อ.อ.ประภาส ระบุว่า ขอให้เป็นไปตามกลไกที่กำหนดไว้ โดยขอย้ำว่าต้องรอคำแถลงอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการนำข้อเท็จจริงเข้าสู่เวทีการเมืองระหว่างประเทศ

ด้าน พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวเสริมว่า หากสมเด็จฮุน เซน ยกระดับสถานการณ์ชายแดนเป็นสงคราม ถือเป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่ง แต่กองทัพไทยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยว่ามีการเตรียมการใดไว้ ขอเพียงให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ากองทัพไทยมีความพร้อมในระดับสูงสุด และมีบทเรียนจากทุกสถานการณ์ที่ผ่านมา จะไม่ยอมให้เกิดความสูญเสียซ้ำรอยอีก

ขณะที่ นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวย้ำว่า การปฏิบัติการของฝ่ายไทยมีความชอบธรรมตั้งแต่เริ่มต้นการปะทะ และการดำเนินการต่อจากนี้ยังคงเป็นไปเพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศ โดยฝ่ายไทยยังคงรอให้กัมพูชาตอบรับ 3 เงื่อนไขสำคัญ ได้แก่ การประกาศยิงก่อนในฐานะฝ่ายรุกล้ำอธิปไตยไทย การหยุดยิงอย่างเป็นรูปธรรม และการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพื่อนำไปสู่การยุติความขัดแย้งอย่างแท้จริง

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img