รมว.ต่างประเทศ โชว์วิสัยทัศน์บนเวทีภูมิใจไทย เผยเบื้องหลังแก้วิกฤตไทย-กัมพูชา ชี้จุดแข็งคือ “ความเป็นเอกภาพ” ย้ำชัดความขัดแย้งต้องจบที่การเจรจาภายใต้เกียรติภูมิไทย พร้อมเดินหน้ายุทธศาสตร์ระยะยาวรักษาความสมดุลขั้วอำนาจโลก สหรัฐฯ-จีน-รัสเซีย เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.68 ที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ซอยรางน้ำ กรุงเทพมหานคร พรรคภูมิใจไทยจัดการประชุมและแถลงนโยบายสำหรับการเลือกตั้งปี 2569 โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ขึ้นกล่าวเปิดนโยบายของพรรคในแต่ละด้าน
หลังจากนั้น ดรีมทีมของพรรคภูมิใจไทย นำโดย นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค และ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ ว่าที่ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ แถลงนโยบายลงรายละเอียดในแต่ละด้าน ครอบคลุม 4 ปัญหาหลักของประเทศ ได้แก่ เศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม และภัยพิบัติ
ในเวลา 11.00 น. นายสีหศักดิ์ กล่าวตอนหนึ่งเกี่ยวกับนโยบายด้านการต่างประเทศและความมั่นคง ว่า “ตนไม่เคยคิดว่าจะมายืนตรงจุดนี้ ตอนที่ได้รับทาบทามมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตนคิดหนัก เพราะศึกข้างหน้าที่รอคอย แต่ตนรับหน้าที่ไม่ใช่เพราะอยากได้ตำแหน่ง แต่เพราะอยากทำงาน เชื่อว่าการต่างประเทศที่เข้มแข็งจะช่วยให้ประเทศพ้นวิกฤติ สร้างความมั่นคง และนำความเจริญสู่ประเทศไทย”
นายสีหศักดิ์ ระบุว่า ตลอดเกือบ 4 เดือนที่ผ่านมา เขาได้เผชิญกับวิกฤติไทย-กัมพูชา และเห็นว่า “การมีผู้นำที่เข้มแข็งและเอกภาพระหว่างทหารกับฝ่ายการทูต ทำงานร่วมกัน พูดเป็นเสียงเดียวกัน เป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องอธิปไตยและศักดิ์ศรีของไทย ขณะเดียวกันก็เปิดประตูการเจรจา เพราะความขัดแย้งต้องจบที่การเจรจา”
“การต่างประเทศที่ดีต้องสร้างสมดุลระหว่างการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและยุทธศาสตร์ระยะยาว เพื่อไม่ให้หลงทาง ต้องมองไปยังความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน ก้าวพ้นความขัดแย้ง ส่งเสริมความเสถียรภาพของภูมิภาค และสร้างสันติภาพ ลดอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงยาเสพติดและสแกมเมอร์ เพื่อให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนและสร้างโอกาสให้ประชาชน” นายสีหศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม
นอกจากนี้ เขายังเน้นว่า การทูตของไทยต้องทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อทุกขั้วอำนาจ ทั้งสหรัฐ จีน รัสเซีย อินเดีย อียู ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น พร้อมทั้งสร้างภูมิต้านทานด้วยการทูตทุกมิติ ทั้งด้านความมั่นคง การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยภาคประชาชนต้องมีส่วนร่วมและสามารถตรวจสอบได้
“สัปดาห์หน้าจะมีการประกาศนโยบายการทูตเศรษฐกิจ โดยสถานทูตทุกแห่งจะมุ่งทำงานด้านเศรษฐกิจแบบมีเป้าหมาย นำเทคโนโลยีสำคัญเข้าประเทศ และสร้างความโปร่งใสให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพื่อให้ไทยเป็นไทยอย่างมีเกียรติบนเวทีโลก” นายสีหศักดิ์ กล่าวสรุป



















