นายกฯ ชี้การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปเพิ่งเริ่มกระบวนการ เปรียบเหมือนการทักทาย ขออย่าด่วนสรุปผล พร้อมยืนยันไทยยึดแนวทางเจรจาทวิภาคี ไม่ไปประชุมนอกรอบ พร้อมสะท้อนมุมมองกรณีรูปปั้นเทพเจ้าฮินดู ชี้คุณค่าชีวิตทหารสำคัญกว่า
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ธ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ภายหลังมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ระดับเลขานุการ ระหว่างฝ่ายไทยและกัมพูชา ที่จังหวัดจันทบุรี ว่า ขอให้รอผลการประชุมให้ครบถ้วน เนื่องจากยังเหลือการประชุมอีก 3 วัน โดยการประชุมเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา ถือเป็นเพียงการเริ่มต้นกระบวนการ เปรียบเสมือนการทักทายกัน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สื่อมวลชนอาจนำเสนอภาพว่าทั้งสองฝ่ายพบกันเพียงครึ่งชั่วโมง และออกจากที่ประชุมด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ตนมองว่า ไม่มีใครจะหัวเราะได้ตลอดทั้งวัน พร้อมขอให้รอดูพัฒนาการของการประชุมในภาพรวม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวว่าฝ่ายกัมพูชากังวลเรื่องความปลอดภัย นายอนุทินตอบทันทีว่า ไม่มีประเด็นดังกล่าว การประชุมจัดขึ้นในพื้นที่เขตแดน ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างมีท่าทีที่ดีต่อกัน และสถานที่จัดประชุมก็เป็นที่เห็นพ้องร่วมกัน พร้อมย้ำว่า ไทยยืนยันไม่ไปประชุมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตามมติของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เนื่องจากเป็นปัญหาในระดับทวิภาคี หากไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ก็ต้องเป็นการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชาเพียงสองประเทศ
เมื่อถามถึงความคาดหวังต่อผลการประชุม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอให้รอผลอย่างเป็นทางการก่อน โดยก่อนหน้านี้ตนได้รับฟังกรอบข้อเสนอจากฝ่ายไทยที่ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมแล้ว ส่วนขั้นตอนและวิธีการเจรจา ขอให้เป็นเรื่องของหน้างาน
สำหรับกรณีที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย ออกแถลงการณ์ตำหนิการรื้อถอนรูปปั้นเทพเจ้าฮินดู หรือ “นักรบแปดมือ” ในพื้นที่ช่องอานม้า โดยมองว่าเป็นการลบหลู่พระวิษณุ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานในรายละเอียด แต่ย้ำว่าเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันในกรอบทวิภาคี ผ่านกลไกของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พร้อมระบุว่า ไทยไม่ควรหวั่นไหวกับปัจจัยที่อยู่นอกกรอบการเจรจา
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า หากนำเรื่องรูปปั้นมาเปรียบเทียบกับชีวิตทหารที่ต้องสูญเสียอวัยวะหรือได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ ตนไม่ขอเปรียบเทียบในลักษณะนั้น พร้อมย้ำว่าคุณค่าชีวิตของทหารไทยมีความสำคัญยิ่ง
เมื่อถูกถามถึงกรณีที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชามีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย เพื่อขอเจรจาหยุดยิงผ่านกลไกจีบีซี ก่อนจะมีการชี้แจงภายหลังว่าไม่ใช่เอกสารขอหยุดยิง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การดำเนินการต่าง ๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเอกสารเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการตอบโต้ตามสถานการณ์จริง เมื่อประเทศไทยถูกรุกรานหรือโจมตี ไทยก็จำเป็นต้องตอบโต้ตามกฎและหลักสากล โดยการประชุมจีบีซีจะยังคงดำเนินต่อไป
นายอนุทินกล่าวทิ้งท้ายว่า หากการประชุมเสร็จสิ้นและมีการตั้งคณะกรรมการร่วมทั้งสองฝ่ายจนได้ข้อยุติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งไทยและกัมพูชาจะเดินทางไปลงนามร่วมกัน โดยหวังว่าหากมีการลงนามครั้งนี้ ประเทศกัมพูชาจะรักษาข้อตกลง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเพิ่มเติมในอนาคต



















