เมียศรีสุวรรณ รอดนอนคุก ยื่น 4 แสน ประกันตัวชั้นสอบสวน หลังสอบเข้มนานร่วม 7 ชั่วโมง เจ้าตัวปิดปากเงียบ
เมื่อเวลา13.30 นวันที่ 15 ก.พ. นางสาวณพัชญ์ปภา จรรยา อายุ 43 ปี ภรรยานายศรีสุวรรณ จรรยา ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมกับทนายความ ตามหมายเรียกในข้อหาสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดฯ ก่อนจะเดินเข้าไปพบพนักงานสอบสวนภายในห้องสอบสวนที่ชั้น 16 ทันที โดยเจ้าตัวมีสีหน้าเรียบเฉย และขอยังไม่ตอบคำถามใดๆ ซึ่งสื่อมวลชนพยายามเข้าไปสอบถามเจ้าตัวในหลายประเด็น ทั้งวันนี้รู้สึกกังวลหรือไม่ วันนี้เตรียมพยานหลักฐานอะไรมาบ้าง และเรามีส่วนรู้เห็นกับเงิน 5 แสนหรือไม่ รวมถึงเรามีส่วนร่วมกับการตบทรัพย์หรือไม่ โดยภรรยานายศรีสุวรรณ ได้แต่ยกมือไหว้ และบอกว่า ”ขอยังไม่ให้คำตอบ ขออนุญาติยังไม่ตอบ ขอโทษด้วยนะคะ“
ด้านพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. กล่าวว่า วันนี้ภรรยาของนายศรีสุวรรณ ให้ความร่วมมือมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ซึ่งจะมีการสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐเรียกรับทรัพย์หรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ เช่นเดียวกับนายศรีสุวรรณ ก่อนจะอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
โดยข้อเท็จจริง พบว่า ผู้ต้องหามีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเหตุการณ์วันที่ส่งมอบเงิน มีการรู้เห็นในการรับเงิน 5 แสนบาท แต่จะมีเจตนาหรือไม่ ก็ให้เป็นไปตามพยานหลักฐาน ซึ่งผู้ต้องหาจะให้การอย่างไรก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา นอกจากนี้ยังมีพยานหลักฐานว่าผู้ต้องหามีส่วนรู้เห็นในการส่งมอบเงินจำนวน 1 แสนบาท ในช่วงวันก่อนเกิดเหตุด้วย ส่วนจะมีการรู้เห็นเป็นใจในขั้นตอนการเจรจาหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่พบ และเบื้องต้นพบว่าเข้ามาเกี่ยวข้องในความเสียหายของวงนี้เพียงวงเดียว ส่วนวงอื่นจะต้องตรวจสอบต่อไป
สำหรับบัญชีม้าอีก 1 ราย ที่ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนวานนี้ (14 ก.พ. ) ก็พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ตัวเจ้าของบัญชีนั้น ให้ความร่วมมือมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งพนักงานสอบสวนจะนำข้อมูลดังกล่าวไปพิจารณาต่อไปว่าจะกันบัญชีม้ารายนี้ไว้เป็นพยาน หรือจะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รับเงินเข้าบัญชีไม่เยอะมาก
ส่วนเรื่องการอายัดทรัพย์ผู้ต้องหา ได้มีการประสานงานกับ ปปง. อยู่ตลอด โดยมีการเตรียมข้อมูลไว้หมดแล้ว อีกไม่นานจะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนวันพรุ่งนี้ (16 ก.พ.) ที่จะครบกำหนดส่งคำให้การของผู้ต้องหาชุดแรกนั้น เบื้องต้นยังไม่มีการประสานเข้ามา แต่โดยหลักการแล้วตัวผู้ต้องหาไม่จำเป็นต้องเข้ามาเอง สามารถให้ทนายความนำส่งเอกสารได้ ซึ่งตอนนี้ยังสามารถติดต่อผ่านทางทนายความของผู้ต้องหาได้อยู่
ส่วนความคืบหน้าของการขยายผลวงที่ 2 และ 3 นั้น ตอนนี้กำลังจะเริ่มรับคำร้องทุกข์ หากพบความผิดก็จะรวบรวมส่ง ป.ป.ช. พิจารณา แต่ถ้าไม่ใช่ความผิดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐ ก็จะตั้งเป็นคดีธรรมดาต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายโอวาท ยิ่งลาภ ผู้อำนวยการกองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว ที่ได้นำข้อมูลมาให้ หลังถูกพาดพิงว่าเป็นผู้นำข้อมูลออกไปให้นายเอกลักษณ์นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า เบื้องต้นได้ตรวจสอบไล่ดูแชทไลน์ที่นายโอวาทนำมาให้โดยเป็นแชทไลน์ เป็นแชทที่ไม่มีการลบส่วนใดออก ก็พบว่า นายโอวาทและนายเอกลักษณ์ มีการรู้จักและพูดคุยกัน แต่เป็นเรื่องอื่น และมีข้อความที่นายโอวาทมีการเตือนนายเอกลักษณ์ว่า อย่าไปยุ่งกับอธิบดี เพราะท่านไม่ธรรมดา ซึ่งก็น่าจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับขบวนการดังกล่าว
เมื่อถามต่อว่าในแนวทางการสืบสวนสอบสวนตอนนี้พบว่ามี “นักร้อง” คนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า จากข้อมูลที่ได้มา ตัวหลักของขบวนการจะทำกันอยู่ 2-3 คน แต่ก็มีบ้างที่ไปขอความร่วมมือจากคนอื่น ซึ่งต้องดูพยานหลักฐานอีกครั้งว่าสามารถเอาผิดได้หรือไม่ และเมื่อถามว่า นักร้องคนอื่นที่ว่านี้ เป็นคนที่รู้จักกันอยู่แล้วหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบเพียงว่า “เป็นกลุ่มคนดีที่มารวมกัน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.40 น. ว่า ภายหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวพร้อมให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเสร็จสิ้น โดยใช้เวลานานร่วม 7 ชั่วโมงแล้วนั้น น.ส.ณพัชญ์ปภา ก็ได้ให้ทนายความส่วนตัวทำเรื่องขอยื่นประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยวางหลักทรัพย์เป็นเงินสด 4 แสนบาท ก่อนที่ต่อมาทางพนักงานสอบสวนจะพิจารณาแล้วเห็นว่าเจ้าตัวไม่มีพฤติกรรมหลบหนี มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงอนุญาตให้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยจะนัดหมายมาเข้าให้ปากคำอีกครั้งหากมีบางประเด็นที่ยังมีข้อเคลือบแคลงสงสัย
