วันอังคาร, พฤศจิกายน 26, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSอย่าให้“ยศช้าง ขุนนางพระ” ทำลาย“พระวินัย”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

อย่าให้“ยศช้าง ขุนนางพระ” ทำลาย“พระวินัย”

“เปรียบสิบ” เฉย ๆ กับรายชื่อเจ้าคณะภาคที่ออกมา เพราะโผนี้เว็บไซต์ข่าวศาสนาอย่าง thebuddh.com เคยเปิดชื่อมาแรมเดือนแล้ว และก็เป็นไปตามนั้น

หากจะผิดโผบ้างก็คือเดิม พระเทพรัตนมุนี รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 12 แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ปรากฎภาพในการกลับมาคืนครองจีวรของอดีตพระเถระ 5 รูปเท่านั้น โผพลิกปรากฎมี ม้ามืดจากวัดพระเชตุพนฯ ได้แก่ พระราชเวที (สุรพล ชิตญาโณ ป.ธ.9) ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 12 แทนแบบส้มหล่น

เหตุผลที่มีความรู้สึกเฉย ๆ ตำแหน่งเหล่านี้เป็นเรื่องตามกฎหมายของ “บ้านเมือง” มิใช่เรื่องพระวินัย”  วันหนึ่งก็เปลี่ยน หากไม่ถูกใจชนชั้นอำนาจอาจ “ถูกปลด” ได้ง่าย ๆ

ในฐานะสื่อมวลชนรายการโทรทัศน์ประเภทสนทนา อยู่วงการมานานกว่า 15 ปี เจอผู้คนตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งคนเก็บขยะขาย ทุกสิ่งทุกอย่าง “ล้วนอนิจจัง” ไม่ว่าจะเป็น ประยุทธ์ ประวิตร มีชัย  อภิสิทธิ์ ยิ่งลักษณ์ ชวน ทักษิณ หรืออดีตนายกฯอีกหลายท่านที่เสียชีวิตไปแล้ว ล้วนผ่านมือมาแล้วทั้งสิ้น

มีเรื่องเล่า มีวันหนึ่ง เชิญ “อดีตนายกรัฐมนตรี” คนหนึ่งมาออกรายการ เมื่อถึงสถานี มี “เปรียญสิบ” คนเดียวรอต้อนรับ แกเดินเอามือไขว้หลัง พร้อมกับคนขับรถ แล้วถามขึ้นมาว่า “ไม่มีใครมาต้อนรับผมเลยหรือ” เราไม่รู้จะตอบอย่างไร ได้แต่บอกว่า “ผู้บริหารติดประชุม”

หรือแม้กระทั้งหัวหน้าคณะรัฐประหารอย่าง “สนธิ บุญยรัตกลิน” ยุคหนึ่งใหญ่คับฟ้ามาออกรายการแต่ละครั้งมีทหารหน่วยหน้า หน่วยหลัง ต้องมาเคลียร์ ต้องมาประสานทั้งคำถาม ทั้งภาพ ทั้งห้องน้ำ ทั้งห้องรับรอง รายชื่อพิธีกร สารพัด มีคนห้อมหน้าห้อมหลังติดตามถือกระเป๋า

หลังหมดอำนาจ ไม่มีตำแหน่ง มาออกรายการถึงสถานีโทรทัศน์ เมื่อมาถึงสถานี เจอแต่ “เปรียบสิบ” เพียงผู้เดียว แม้ที่จอดรถ “รปภ.” ก็ยังไม่จัดให้

ทั้งหมดทั้งมวล ที่เล่าเพียงเพื่อบอกว่า “ตำแหน่งการเมืองมันคือหัวโขน” ที่มีคนจัดให้ไม่จีรัง ยั่งยืน ไม่ว่าพระหรือฆราวาส

แต่ตำแหน่งทาง “พระวินัย” คือ อายุพรรษาและความรู้ที่เรียนมา “ยั่งยืนและมั่นคง” ใครกระชากไปมิได้

เมื่อดูจากเจ้าคณะภาคของคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย “ไม่ขี้เหร่” แม้ไม่เห็นด้วยที่จะเอากรรมการมหาเถรสมาคมมาเป็นเจ้าคณะภาค ไม่เห็นตัวที่กระจุกตัวอยู่ในเมืองหลวง แต่ก็ยอมรับได้ เพราะส่วนใหญ่จบเปรียญธรรม 9 ประโยคแทบทั้งสิ้น

ส่วนภาค 12 ที่ยังไม่ประกาศเป็นเรื่องที่เจ้าคณะหนใหญ่ตะวันออกต้องพิจารณา หากเป็นตามคาดคือ “เจ้าคุณสุรพล” ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร เพราะอย่างน้อย มหานิกาย ก็ยังสนับสนุนให้บรรดาพวกจบเปรียญธรรม 9 ประโยค ให้ “มีที่ยืน” ซ้ำสร้างขวัญกำลังใจให้คนอยากเรียนบาลีได้

ส่วนรองเจ้าคณะภาค เลขาภาค เจ้าคณะหนใหญ่ต้องพิจารณาดี ๆ ว่าจะเอาประเภทประจบสอพลอหรือจะเอาคนทำงาน โดยเฉพาะคนทำงาน “สายพระบาลี” ควรสนับสนุนให้ก้าวหน้าและมีงานทำ

แต่รายชื่อเจ้าคณะภาคคราวนี้ ที่ “ผิดคาดอย่างแรง” คือ คณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต หลังจากเอาผู้รักษาการเจ้าคณะภาคไปไว้บนหิ้งตั้งเป็นที่ปรึกษาแล้ว นึกว่าจะออกมาดูดี “กระจายไปสู่ต่างจังหวัดหรือวัดต่าง ๆ” แต่นี้แค่ วัดบวรนิเวศวิหาร วัดเดียวครองไป 3 ภาค ในขณะที่สมเด็จพระวันรัตน์เอง ท่านก็เป็น “เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต” ด้วย

สรุปคือ “กินเรียบ” สมกับเป็นประธาน “5 เสือ มส.” จริง ๆ คณะสงฆ์ คณะธรรมยุต ได้แต่มองตากันปริบ ๆ

แบบนี้เข้าทางคอการเมืองเลย ปรากฎ “รอยร้าวและศึกชิงอำนาจ” ในคณะธรรมยุต “ปิดไม่มิด” เสียแล้ว

หนักกว่าฝ่ายมหานิกาย เพียงแต่ ธรรมยุต “ลับ ลวง พลาง” นิ่ง 

ส่วนมหานิกาย กระโตก กระตาก โฉ่งฉาง สไตล์  “พระบ้านนอก”

    

ก่อนหน้านี้ปรากฏข่าวลือนิด ๆ ว่า มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย หรือ มมร. มีเขม่นกัน ระหว่างเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นของวัดบวรฯ กับสายวัดราชบพิตร เพราะไม่เป็นไปตามข้อ “ตกลง” จนต้องปรับเปลี่ยน สลับคน ปรับคณะรัฐมนตรีของ มมร. 4 รอบ เอาคนนอกเข้าไปบริหาร เอาสตรีไปนั่งเป็นผู้บริหาร จนคนข้างนอกวิจารณ์กระหึ่มว่ายุคนี้ “มหาวิทยาลัยสงฆ์” ของ มมร. เลือนรางจางไปตามเจตนารมณ์ของพระบุรพาจารย์ไปหมดแล้ว

ย้อนกลับมาดูการแต่งตั้งเจ้าคณะภาคงวดนี้ “วัดบวรฯ” เอาคืน กวาดเรียบ ส่วนพระรูปใดจะเป็นแขก เป็นไทย หรือเป็นมอญ ไม่ขอวิจารณ์ “รอพิสูจน์ฝีมือ”

ก่อนจบ “เปรียญสิบ” ขอฝากไว้สักนิด เมื่อพระเจ้าคุณมีตำแหน่งเจ้าคณะภาคหรือตำแหน่งใดก็ตาม ที่เป็นตำแหน่งทางกฎหมาย ซึ่งรวมทั้ง “สมณศักดิ์” ที่พวกเราคนบวชเรียนถือว่ามันคือ “หัวโขน” มันเป็นแค่  “ยศช้าง ขุนนางพระ”

ก็อย่าเอาตำแหน่งทางกฎหมายนี้ไปทำลาย “พระวินัย” ที่พระพุทธเจ้าฝากเอาไว้ว่าเป็น “ตัวแทนของพระองค์” ที่รักษาสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาไว้ได้อย่างมั่นคง

เวลาเจอพระภิกษุที่มีอายุพรรษามากกว่า โปรดลดทิฎฐิมานะ..ก้มลงกราบท่านด้วย??

โรคนี้กำลังระบาดหนัก..ในวงการคณะสงฆ์บ้านเรา..บางแห่งลามแม้กระทั่งการปลงอาบัติ ก็ไม่นับอายุพรรษากันแล้ว..!!

………………………………….

คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง  

โดย …“เปรียญสิบ” : [email protected]

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img