“วราวุธ” ย้ำ “แก้ รธน.” ยังเป็นเรื่องด่วนของรัฐบาลนี้ แต่กลไกที่สำคัญตั้ง “ส.ส.ร.” ให้ได้ก่อน ยกสมัย “บรรหาร” ก็ทำไม่เสร็จในรัฐบาลชุดนั้น ใช้กลไกสภาฯแก้กฎหมายรายมาตราได้ บอก ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม เหตุหากลัดขั้นตอน ความพยายามที่ผ่านมาจะกลายเป็นศูนย์
วันที่ 5 พ.ย.2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยถึงกรณีที่นายนิกร จำนง ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่าอาจทำประชามติไม่ทันการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 68 ว่า การดำเนินการเรื่องนี้ ยังถือเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ชัดเจนแล้วว่า ในการเลือกตั้งท้องถิ่นต้นปีหน้า จะไม่ทันการทำประชามติ ส่วนการเลือกตั้งทั่วไป ที่จะมีขึ้นในปี 70 ก็อาจจะใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ทัน การทำงานเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หัวใจสำคัญอยู่ที่รัฐบาลชุดนี้ จะต้องเร่งดำเนินการเพื่อจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพราะกลไกการทำงานแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อมี ส.ส.ร.แล้ว อายุ หรือสถานะของ ส.ส.ร. ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวาระของสภาชุดนี้ เนื่องจากสภาจะครบวาระในวันที่ 13 พ.ค 70 หากมีการตั้ง ส.ส.ร. ได้ก่อนหน้านั้น การดำเนินการของ ส.ส.ร. ก็จะสามารถดำเนินการไปโดยที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับสภา เหมือนสมัยรัฐบาลของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่รัฐธรรมนูญปี 40 ก็ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงสมัยของรัฐบาลภายใต้การนำของนายบรรหาร แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ส.ส.ร. และแม้ว่ารัฐธรรมนูญ 40 ไม่ได้ประกาศใช้ในช่วงรัฐบาลนั้น แต่ประชาชนก็ยังได้รับประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้
“การทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ขออย่าเพิ่งหมดหวัง หัวใจสำคัญคือ การเร่งดำเนินการให้เต็มที่ เพื่อให้เกิด ส.ส ร.ขึ้นมา รวมถึงจะมีกลไกในการรับฟังความคิดเห็นประชาชนทุกพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การได้มาของรัฐธรรมนูญที่เป็นฉบับของประชาชนอย่างแท้จริง การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ก็อย่าเพิ่งกังวลว่า เราจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เพราะกฎหมายเลือกตั้งเป็นกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่ได้ต้องแก้ที่ตัวรัฐธรรมนูญอย่างเดียว ยังมีสภาฯที่สามารถแก้ไขกฎหมายมาตราต่างๆ ได้ เว้นแต่กติกาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากมีประเด็นใดที่อยากจะแก้ ก็สามารถใช้สภาในการแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งได้ จึงอยากฝากเป็นข้อสังเกต และให้กำลังใจกับรัฐบาล”นายวราวุธ กล่าว
เมื่อถามว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ มีแนวทางมาค่อนข้างชัดเจน ว่าการแก้ มาตรา 256 จะต้องมีการทำประชามติก่อน ซึ่งเมื่อจัดทำ ส.ส.ร.แล้ว จะมีการทำประชามติอีกครั้งหนึ่ง แต่จะเป็น 2 หรือ 3 ครั้งนั้น นายวราวุธ กล่าวว่า ช้าๆ ได้พร้าเล่มงานเสียดีกว่า เพราะหากทำการลัดขั้นตอน แล้วเกิดปัญหา ความพยายามตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา จะกลับไปที่ศูนย์ใหม่ หากเพิ่มเวลาอีกนิด ทำประชามติตามขั้นตอน ท้ายที่สุดแล้ว จะคุ้มค่าเงิน
“เครดิตของการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญ ไม่ได้แปลว่ารัฐธรรมนูญจะต้องประกาศใช้ในรัฐบาลนั้นๆ แต่การที่ทำให้เกิด ส.ส.ร. คือหัวใจสำคัญมากกว่า เพราะเป็นที่มาที่ทำให้เกิดรัฐธรรมนูญ ฉันใดฉันนั้น เหมือนสมัย รัฐบาลของนายบรรหาร”นายวราวุธ กล่าว