วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSเธอหมอบจริงหรือแค่"กลลวง"​​​​ ม็อบ14ตุลาฯคือ"คำตอบ"
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เธอหมอบจริงหรือแค่”กลลวง”​​​​ ม็อบ14ตุลาฯคือ”คำตอบ”

แม้การจัดทัพใหม่ของ พรรคเพื่อไทย (พท.) จะผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีเสียงวิจารณ์ตามมาว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เป็นแค่เปลี่ยนสลากข้างขวด เข้าตามสำนวนที่ว่า “เหล้าเก่าในขวดใหม่”

ได้ “นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์” กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งหนึ่ง ส่วนเลขาธิการพรรคคือ “นายประเสริฐ จันทรรวงทอง” ซึ่งมีความใกล้ชิดกับ “เสี่ยเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล แกนนำคนสำคัญของพรรคไทยรักไทย (ทรท.)

แต่สิ่งที่เห็นได้ชัด และสื่อทุกสำนักต่างฟันธงตรงกัน การเปลี่ยนแปลงของพรรคที่มีเสียงส.ส.มากที่สุดในสภาฯคือ การปลดล็อคนักการเมืองที่มีความใกล้ชิดกับ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์” อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาตร์พท. ออกจากวงจรอำนาจ เหลือเพียง “น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ” ที่ยังมีตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค แต่ก็แทบไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไร หากถึงเวลาต้องตัดสินในห้วงเวลาสำคัญ

แม้จะมีความพยามสร้างภาพว่า การที่ “คุณหญิงหน่อย”ไม่มีตำแหน่งสำคัญในพรรค เพราะได้รับมอบหมายให้เดินสายรณรงค์เรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าหากติดตามความเปลี่ยนแปลงของพรรคการเมือง ที่เปรียบเสมือนเป็นสมบัติ”ตระกูลชินวัตร จะเห็นว่าอดีตประธานยุทธศาสตร์พท. เหมือนถูกหลอก ถูกลอยแพมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จากนี้ต้องรอดูว่า หนทางของนักการเมืองเจ้าของฉายา สวยแต่เจ็บ จะต้องเจ็บต่อไปเรื่อยๆ หากต้องอยู่ทำงานรวมกับพท.ต่อไปหรือไม่ เพราะไม่เป็นที่โปรดปรานของ “นายหญิง” ทั้งบ้านใหญ่และบ้านเล็ก  หรือจะเลือกเส้นทางอื่น เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อทางการเมือง

สำหรับรายชื่อกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)ชุดใหม่ร่วมทั้งหมด 24 คน ประกอบด้วย นายสมพงษ์ เป็นหัวหน้าพรรคอีกสมัย  รองหัวหน้าพรรคมี 10 คน คือ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง, นายชูศักดิ์ ศิรินิล, นายเกรียง กัลป์ตินันท์, นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร, นายพิชัย นริพทะพันธุ์, นายสุทิน คลังแสง, นายไชยา พรหมา, พล.ต.อ.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด

ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นเลขาธิการพรรค มีรองเลขาธิการพรรค 5 คน ประกอบด้วย นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม, นายจิรวัฒน์ ศิริพานิชย์, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล, นายคุณากร ปรีชาชนะชัย และนายนพ ชีวานันท์ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ เป็นเหรัญญิกพรรค, นายจักรพงษ์ แสงมณี เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค, น.ส.อรุณี กาสยานนท์ เป็นโฆษกพรรค และมีกรรมการบริหารพรรค 4 คน ประกอบด้วย นายชวลิต วิชยสุทธิ์, นายสรวงศ์ เทียนทอง, นายองอาจ วงษ์ประยูร และนายพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์

ถ้าลองไปไล่เอ็กซเรย์รายชื่อกก.บห. จะพบว่าส่วนใหญ่ ล้วนเป็นคนใกล้ชิดคน”ตระกูลชินวัตร” ไม่ว่าจะเป็นนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คือนายสมพงษ์, พล.ต.อ.สมศักดิ์ และนายจักรพล ส่วนที่ใกล้ชิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประกอบด้วยนายกิตติรัตน์, น.ส.ธีรรัตน์ และนายคุณากร ที่ใกล้ชิดนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ คือนายเกรียง และมีส่วนหนึ่งมาจากอดีตพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เก่า 2 คนคือย นายพิชัย และ น.ส.อรุณี

ขณะเดียวกันยังมีนักการเมืองรุ่นใหม่และเป็นทายาทนักการเมืองมาเป็น กก.บห. อาทิ นายนพและนายจิรวัฒน์ ส่วนนายเผ่าภูมิถือเป็นคนใกล้ชิด “นายภูมิธรรม เวชยชัย” แกนนำพรรค แต่หลายคนเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ น่าจะเป็นเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง ในช่วงใกล้เลือกตั้ง ผู้มีอำนาตัวจริงน่าจะตัดสินใจอีกครั้งว่า จะนำพาพรรคไปสู่จุดใด

แต่ที่ยังเป็นคำถามและถูกตีความกันไปต่างนานา กับการเปลี่ยนแปลงของแกนนำพรรคฝ่ายค้านครั้งนี้ เชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกับปรากฎตัว ในเหตุการณ์ครั้งสำคัญของ “คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์” อดีตภริยาของนายทักษิณด้วยหรือไม่

บางคนตีความไปว่า “นายหญิง” ต้องการถอยทางยุทธวิธี แต่บางคนบอกว่า เป็นการปรับในทางยุทธศาสตร์ เพื่อจะเดินหน้าทางการเมืองอย่างเต็มที่ เนื่องจากปลายปีจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น ส่วนต้นปีหน้าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม. ) ซึ่งถือเป็นฐานการเมืองสำคัญของพรรคการเมือง และจะปล่อยให้ตกเป็นของคู่แข่งไม่ได้

​บางที “คุณหญิงพจมาน” ที่ใครๆต่อใครเรียกกันติดปากว่า “คุณหญิงอ้อ” อาจคิดว่านานเกินไปแล้ว หลังต้องหลุดจากการยึดครองอำนาจรัฐ อีกทั้งการปล่อย “พรรคก้าวไกล (กก.)” กวาดคะแนนคนรุ่นใหม่ และบรรดาฮาร์ดคอร์ทางการเมือง อาจส่งผลกระทบต่อฐานเสียงพท.ในอนาคต จึงถึงเวลาที่จะเข้ามารีแบรนด์นิ่งพรรคใหม่ เพื่อที่จะมีลุ้นกลับมาเป็นแกนนำรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้า

​นอกจากนี้กรณีที่ภริยานายทักษิณ ดึงคนใกล้ชิด “เจ๊แจ๋ว” จุฑารัตน์ เมนะเสวต เพื่อนร่วมรุ่นเซนโยฯ  เข้ามาช่วยดูแลความเป็นไปของพท. ก็ถือเป็นสัญญาณครั้งสำคัญ หลังจากก่อนหน้านี้ มักมีข่าวแกนนำพรรคฝ่ายค้านมีปัญหาเรื่องขาดน้ำท่อเลี้ยง เมื่อเทียบกับพรรคแกนนำรัฐบาลอย่าง “พลังประชารัฐ (พปชร )” จนทำให้ ส.ส. พท.จำนวนหนึ่ง ต้องยอมเล่นบทเธอปันใจ ขอรับความช่วยเหลือจากแกนนำต่างพรรคมาตลอด แม้กระทั่งญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ยังมีข่าว” ฮาร์ดคอร์”พรรคฝ่ายค้านบางคน ทำข้อสอบรั่ว ชกไม่สมศักดิ์ศรี และนำมาสู่ความล้มเหลว

อีกทั้งยังมีประเด็นสำคัญ ที่หลายฝ่ายเชื่อว่า “คุณหญิงอ้อ” ต้องออกมาเคลื่อนไหว จนนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงในพท. คงหนีไม่พ้นกรณีพรรคแกนนำฝ่ายค้าน มีส่วนร่วมสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และประชาชนปลดแอก ซึ่งในช่วงแรกๆทั้งสองกลุ่ม ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวเพียงให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ  แต่ทำไปทำมาการทำกิจกรรมของนักศึกษาเริ่มเกินธงไปเรื่อยๆ ลามไปจนถึงการเรียกร้องให้ปฎิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมมีข้อเสนอ 10 ข้อ

หนักที่สุดคงเป็นการจัดชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 63 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) รังสิต ซึ่งใช้รหัสการเคลื่อนไหวว่า  “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน”  ตามมาด้วยการจัดชุมนุมเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่มธ.ท่าพระจันทร์ และท้องสนามหลวง ภายใต้รหัส “19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร” โดยแกนหลักในการชุมนุมคือ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ มีบุคคลที่ขึ้นปราศรัย จนก่อให้เกิดปัญหาประกอบด้วย “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และ “ไมค์” ภานุพงศ์ จาดนอก รวมไปถึง “อานนท์ นำภา”  ซึ่งเนื้อหากระทบกับสถาบัน จนมีการแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งอยู่ในขั้นตอนเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนอยู่

อีกทั้งในการทำกิจกรรมเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ยังปรากฎภาพ มวลชนหลักที่เข้ามาชุมนุม ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนเสื้อแดง ที่เคยเคลื่อนไหวรวมกับพท. และแกนนำนปช. ขณะที่กลุ่มนักเรียน นิสิตนักศึกษามีเพียงส่วนน้อย แถมยังมีข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคงระบุว่า มีท่อน้ำเลี้ยงส่งไปถึงมวลชนคนเสื้อแดง  ให้มาร่วมทำกิจกรรมกับกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ

อย่างไรก็ตามเมื่อปรากฎว่า เนื้อหาในคำปราศรัยและรูปแบบในการทำกิจกรรม ภายใต้รหัส “19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร” กระทบกับสถาบัน ส่งผลให้หลายฝ่ายที่เคยสนับสนุน ต่างถอยหนีเพราะเกรงว่าจะเกิดผลกระทบตนเองในอนาคต แม้กระทั่งพท. ซึ่งได้ตั้งคณะทำงานติดตามการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ส่งส.ส.ของพรรคไปร่วมสังเกตการณ์ ยังรีบโดดหนี อ้างว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปราศรัยและกิจกรรมบนเวที

ที่หนักกว่านั้นคือ ”วอยซ์ทีวี” สื่อของ ”นายโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ  ได้ถ่ายทอดสดการทำกิจกรรมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ เมื่อวันที่ 19ก.ย. ซึ่งมีเนื้อหากระทบถึงสถาบัน ส่งผลให้ ”กลุ่มไทยภักดี”เดินทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ การกระทำหน้าของ”วอยซ์ทีวี” ย่อมมีคำถามตามมาว่า ทายาทตระกูลชินวัตรมีวุฒิภาวะมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน

เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น บางทีผู้มีอำนาจเต็มที่สามารถกำหนดทิศทาง ให้เครือข่ายที่ทำงานรับใช้ “ตระกูลชินวัตร” อาจคิดว่า ถ้ายังปล่อยให้เกิดภาพ  พท.รวมถึง ”คนเสื้อแดง “ และสื่อในสังกัด ไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่มีความละเอียดอ่อน และกระทบกับสถาบัน อาจไม่เป็นผลดี และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตนเองและเครือญาติแบบคาดไม่ถึง เลยต้องรีบส่งสัญญาณบางอย่าง

น่าเสียดาย ใครที่ติดตามบทบาท “คุณหญิงพจมาน” อดีตภริยานายทักษิณ ทักษิณชินวัตร นับตั้งแต่มีชื่อ “ทรท.” ปรากฎอยู่ในสารบบการเมืองไทย ก็คงรู้ว่า “นายหญิง” แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า ไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อสำนักไหนเลยซักครั้งเดียว มีแต่รอยยิ้มและคำพูดสั้นๆเพื่อทักทาย เวลาเจอคำถามของกองทัพนักข่าว เวลามีประเด็นร้อนๆ เลยรู้ว่าเธอคิดอะไร

แต่หลายคนก็รับรู้กันเป็นอย่างดีว่า “คุณหญิงอ้อ” เป็นผู้มีอำนาจเต็ม  ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ หากต้องกำหนดทิศทางพรรค ที่เปรียบเสมือนเป็นสมบัติของตระกูล “ชินวัตร” ดังนั้นเมื่อปรากฎภาพ “หมอบกราบ” ของคุณหญิงอ้อ  รวมทั้ง “ครอบครัวชินวัตร” ใส่เสื้อเหลือง เลยเกิดคำถามตามมาว่า จะมีผลตามตามมาอย่างไร

…บางทีการชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค. ซึ่งแกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯและหลายกลุ่มจะทำกิจกรรมเคลื่อนไหวกันอีกครั้ง อาจเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของ “นายหญิง” แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า “ และเป็นคำตอบว่า ”หมอบจริง” หรือ”แค่กลลวง” 

​​​​​…….

​​​​​​​​#แมวสีขาว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img