หน้าแรกNEWSพาณิชย์เปิด 4 ปัจจัยหนุนส่งออก-นำเข้าสินค้าไทยเดือนมิ.ย.ไม่แผ่ว

พาณิชย์เปิด 4 ปัจจัยหนุนส่งออก-นำเข้าสินค้าไทยเดือนมิ.ย.ไม่แผ่ว

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“พูนพงษ์” ประเมินส่งออก-นำเข้ามิ.ย.ขยายตัวจาก 4 ปัจจัยหลัก แต่ต้องเฝ้าระวังการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก -ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์-เงินบาทแข็งค่า

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ในฐานะโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีราคาส่งออก และดัชนีราคานำเข้าเดือนมิถุนายน 2568 คาดว่าจะมีปัจจัยที่สนับสนุนให้ดัชนีราคาส่งออกและดัชนีราคานำเข้าขยายตัว ได้แก่ 1. การเร่งนำเข้าสินค้าไทยจากประเทศคู่ค้า ก่อนจะมีการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) เต็มรูปแบบ ทำให้มีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นในระยะสั้น 2.สินค้าเกษตรแปรรูปส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง 3. สินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยียังเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก และ 4. ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวัง ประกอบด้วย 6 ปัจจัยคือ 1. การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และประเทศคู่ค้าหลัก 2.ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังมีแนวโน้มยืดเยื้อในหลายภูมิภาค 3.ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าและภาษีของสหรัฐฯ 4. ราคาสินค้าเกษตรสำคัญบางกลุ่มเผชิญกับปัญหาอุปทานส่วนเกิน 5.การแข่งขันทางด้านราคา
มีแนวโน้มสูงขึ้น และ 6. ความผันผวน และการแข็งค่าของค่าเงินบาท

สำหรับดัชนีราคาส่งออก เดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ 111 ขยายตัว 0.4% หากเทียบเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย จากผลของความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ที่กลับมาฟื้นตัว รวมถึงการส่งออกอาหารแปรรูปขยายตัวดี ส่งผลให้ หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกปรับตัวสูงขึ้น ประกอบด้วย หมวดสินค้าอุตสาหกรรม สูงขึ้น 1.6% ได้แก่ ทองคำ ตามความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตามความต้องการเร่งนำเข้าสินค้าก่อนมีการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ อย่างเต็มรูปแบบ ประกอบกับตลาดโลกมีความต้องการอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพื่อรองรับ AI และการเติบโตของธุรกิจ Data Center และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เนื่องจากอุณหภูมิและระดับความชื้นทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น

หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้น 1.4% ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ตามความต้องการ ของตลาดโลกเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นสินค้าที่เก็บได้นานและปลอดภัย อาหารสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะในกลุ่มอาหาร พรีเมียม และอาหารฟังก์ชัน (Functional Food) ซึ่งเป็นอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยง และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ตามความต้องการบริโภคเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้น ขณะที่หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาส่งออกลดลง ประกอบด้วย หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ลดลง 15.8% โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูป และน้ำมันดิบ ตามอุปทานน้ำมันส่วนเกินในตลาดโลก และความต้องการใช้ที่ชะลอตัวลง และหมวดสินค้าเกษตรกรรม ลดลง 4% ได้แก่ ข้าว เนื่องจากอุปทานข้าวโลกยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับการเผชิญกับการแข่งขันจากประเทศคู่แข่งที่มีราคาถูกกว่า อาทิ อินเดีย และเวียดนาม และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ตามความต้องการจาก ตลาดหลัก อาทิ จีนมีแนวโน้มลดลง

ดัชนีราคานำเข้า เดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ 114.1 ขยายตัว 1.4% (YoY) สาเหตุหลักเป็นผลจากผู้ผลิตในประเทศเร่งสต๊อกนำเข้าวัตถุดิบ เครื่องจักร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นล่วงหน้า (Pre-Stock) เพื่อเตรียมพร้อมก่อนมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ดัชนีราคานำเข้าปรับตัวสูงขึ้นเกือบทุกหมวดสินค้า ประกอบด้วย หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค สูงขึ้น 8.5% ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องประดับอัญมณี และผัก ผลไม้ และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ ตามความต้องการสินค้าเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคของประเทศ และรองรับการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สูงขึ้น 4.9% โดยเฉพาะทองคำ ราคาสูงขึ้นตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และเศรษฐกิจโลก

สำหรับอุปกรณ์ ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะแผงวงจรไฟฟ้า ตามความต้องการสินค้าเพื่อใช้ในภาคการผลิตอุตสาหกรรมภายในประเทศ และปุ๋ย ตามต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น รวมถึงความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้นหมวดสินค้าทุน สูงขึ้น 4.3% ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์
และส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เพื่อรองรับการผลิตสำหรับส่งออก และการขยายตัว
ของเทคโนโลยี AI และ Data Center และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง สูงขึ้น 0.8% โดยเฉพาะส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ตามความต้องการชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อการผลิตและประกอบรถยนต์ภายในประเทศ และส่งออก ขณะที่หมวดสินค้าเชื้อเพลิง หดตัวเพิ่มขึ้น 14.6% โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ ตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลก และคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันจะปรับตัวสูงเกินกว่าอุปสงค์โลก

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img