หน้าแรกHighlight“หน.พท.”ชี้ยื่นซักฟอกเป็นการตรวจสอบ ไม่ใช่ด่า-อย่าเอา“แก้รธน.”เป็นตัวประกัน

“หน.พท.”ชี้ยื่นซักฟอกเป็นการตรวจสอบ ไม่ใช่ด่า-อย่าเอา“แก้รธน.”เป็นตัวประกัน

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“จุลพันธ์” มองเรื่องยื่นซักฟอกเป็นการตรวจสอบตามระบบไม่อยากให้รัฐบาล มองเป็นเรื่องด่าหรือไม่ด่า ชี้ ใครเป็นฝ่ายค้านแล้วยื่นก็เป็นเรื่องปกติ ขอรบ. อย่าเอาประเด็นแก้รัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน ย้ำให้ความสำคัญแต่มองสำเร็จยาก

เมื่อวันที่ 7 พ.ย.68 เวลา 11.00 น.ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกมา เปิดเผยว่าหากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจจะมีการยุบสภา เพราะไม่อยากถูกด่าฟรี ว่า ตนมองว่าช่วงนี้นายกรัฐมนตรีอาจจะอารมณ์ร้อน แต่กระบวนการตามระบบประชาธิปไตยในการยื่นญัตติ เช่น มาตรา 151 คือการตรวจสอบรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องด่าหรือไม่ด่า พวกตนตรวจสอบ เพราะเป็นฝ่ายค้าน และเมื่อใครเป็นฝ่ายค้านกระบวนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เป็นเรื่องปกติตามระบบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นอยากให้รัฐบาลมองว่า เป็นเรื่องการตรวจสอบเป็นการตรวจการบ้านและหากมองว่าประพฤติถูกต้อง ไม่มีเรื่องทุจริตคอรัปชั่น เรื่องที่เขาว่ากันว่าปัดเป่า ทั้งคดี ฮั้ว สว.  เขากระโดง ถ้าไม่ได้ทำก็ไม่ต้องห่วง ถ้าอภิปรายไปแล้วยังเป็นหนังเรื่องเก่า เนื้อเรื่องเก่า ก็เป็นความเสียหายของฝ่ายค้านที่จะดำเนินการในการอภิปราย และเป็นเวทีเปิดสภาไม่ใช่พูดแค่ฝั่งเดียว พวกตนอภิปรายได้ท่าน ก็สามารถตอบได้หากตอบได้เคลียร์ ตอบได้ชัด ก็เป็นโอกาสของรัฐบาลในการชี้แจงทำความเข้าใจ ไม่ใช่แค่กับสภาเท่านั้น แต่กับประชาชนชาวบ้านที่ได้ฟังด้วย อย่าไปมองว่า เป็นเรื่องการไปด่าหรือไม่ด่ากันแต่ที่จริงแล้วเป็นเรื่องการตรวจสอบตามระบบและตนก็ต้องมองหลายสิ่งหลายอย่าง อย่างแรกคือข้อมูลการกระทำความผิดนั้นสมบูรณ์หรือยัง สำเร็จหรือยัง มีการดำเนินที่ผิดพลาดโดยรัฐบาลจริงหรือไม่ ตนก็ต้องดู

นายจุลพันธ์ ยังกล่าวว่า ต้องมองเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญประกอบด้วย เพราะวันนี้กรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมเดินหน้าไปอย่างช้าๆ ซึ่งตนอยู่ในกรรมาธิการด้วย มองว่า โอกาสที่จะสำเร็จเป็นไปได้น้อย เพราะบรรยากาศในที่ประชุมการอภิปรายของแต่ละฟากฝั่งอ่านกันออก ว่าโอกาสที่จะผ่านวาระ 3 มีมากน้อยเพียงใด หากติดตาม บันทึกการประชุม ซึ่งไม่ใช่ความลับเป็นที่เปิดเผยจะรู้ว่าใครพยายามผลักดันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และมันติดขัดอะไร สุดท้ายไม่อยากให้รัฐบาลเอาเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเป็นตัวประกัน เพราะพวกตน ต้องดูผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก พวกเราคำนึงถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญอันนี้แน่นอน ตนเชื่อว่า พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชนถึงแม้จะเข้าสู่กระบวนการ MOA และตั้งรัฐบาลมา เขาก็ต้องดูเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน และดูความคาดหวัง ความสำเร็จมีมากน้อยเพียงใด หากทิศทางเป็นไปได้ยาก ในการจะผ่านแนวโน้ม MOA มันไม่สำเร็จก็เป็นไปได้ อาจจะมีกระบวนการมาพูดคุยกัน เรื่องการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งพวกตนยืนยันว่า เราคำนึงถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่มันไม่สามารถหยุดการทำงานของพวกเราในการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศจากการทุจริต คอรัปชั่น และการปัดเป่าคดีต่างๆ

เมื่อถามว่า หากเปิดสมัยประชุมหน้าวันที่ 12 ธ.ค. จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่มี ไม่ได้พูดคำนั้น และยังไม่มีข้อสรุป ทางพรรคต้องมีการประชุมหารือกันกับผู้ใหญ่หลายคน เพื่อจะมาดูว่าความเหมาะสม และจังหวะเวลาคืออะไร จะดำเนินการหรือไม่อย่างไรต้องมาดูกันอีกครั้งหนึ่

เมื่อถามว่า ที่บอกว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญล่าช้า ปัจจัยเกิดจากอะไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนพูดแต่แรกว่ากรอบเวลา 4 เดือนกระชั้น กฎหมายประชามติกำหนดว่า การทำประชามติ เมื่อรัฐสภาส่งเรื่องไปที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 60 วันไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อย่างน้อยต้องมีระยะเวลาที่ถอยร่นมา กระบวนการลงมติวาระ 2 และวาระ 3 รัฐธรรมนูญกำหนดต้องห่างกัน 15 วัน เพราะฉะนั้นพวกตนคำนวณมาตั้งแต่ต้น และพูดในวันอภิปรายวาระ 1 ควรจะมีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 18-19 พ.ย.เพื่อลงมติวาระ 2 ช่วงวันที่ 20 พ.ย. และวันที่ 8 ธ.ค. ลงมติวาระ 3 เพื่อที่การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทันกรอบเวลา แต่ดูการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการบางฝ่ายยังไม่เร่งรัด อย่างที่เราต้องการ พวกตนพยายามเร่งรัด ก็ดูจะเชื่องช้านิดหนึ่ง รวมถึงข้อคิดเห็นในลักษณะที่เป็นอุปสรรค เช่น มีบางฝ่ายเสนอว่ากรณีร่างรัฐธรรมนูญผ่านกระบวนการ ครบถ้วนแล้วก่อนไปลงประชามติ ต้องให้ความเห็นชอบในรัฐสภา ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อยากให้คงสัดส่วนสมาชิกวุฒิสภาในการเห็นชอบ 1 ใน 3 ไว้ เมื่อฟังแบบนี้ก็รู้แล้วว่าโอกาสยาก เพราะเราเห็นกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา เสียง 1 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภา เป็นปัญหามาตลอดเป็นจำนวนที่เราหาลำบาก

เมื่อถามว่า ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายรัฐบาลและ สว.ด้วยหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมความคิดเห็นอาจล้อกันไปในหลายประเด็น ทั้งสว. และสส.ฝั่งรัฐบาล

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES
- Advertisement -spot_imgspot_img

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img