กว่า 12 ปี ที่ “คิง เพาเวอร์” เข้าเป็นเจ้าของ สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และได้อุทิศตนเพื่อวงการกีฬาฟุตบอล และเพื่อช่วยเหลือพัฒนาชีวิตของคนในเลสเตอร์ โดย “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ และปาฏิหาริย์ของเมืองเล็กๆ นี้ จนกลายเป็นตำนานยิ่งใหญ่ระดับโลก
หากมองย้อนกลับไปเมื่อปี 2553 การเข้าซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ของคุณวิชัย ดูผิวเผินก็คงเป็นเพียงเรื่องธุรกิจ แต่ระยะเวลา บวกกับความตั้งใจทำงาน และความทุ่มเทที่มีให้กับสโมสรและเมืองเลสเตอร์ โดยในช่วงปี 2553-2561 ขณะดำรงตำแหน่งประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า “เขา” ทำมากกว่านั้น !!!
เพราะ “เขา” กลายเป็นที่เคารพรักของทุกคน ไม่เฉพาะแต่นักเตะ และทีมงานของสโมสร แต่ยังรวมไปถึงพลเมืองของเลสเตอร์อีกด้วย
เพราะ “เขา” มีส่วนร่วมในการสนับสนุนองค์กรต่างๆ และพัฒนาชุมชนหลายด้านในเมืองเลสเตอร์
ไม่ว่าจะเป็น…
-ด้านศาสนา ผ่านการบูรณะและฟื้นฟูวิหารของเมืองเลสเตอร์ การบูรณะหลุมศพของกษัตริย์ริชาร์ดที่ 3 ด้วยการสร้างศูนย์เฮอร์ริเทจ เซ็นเตอร์ แห่งใหม่ เพื่อใช้เป็นสาธารณประโยชน์
-ด้านสาธารณสุข โดยการสนับสนุนโรงพยาบาลเลสเตอร์ เพื่อยกระดับการบริการทางการแพทย์ให้ดียิ่งขึ้น และสมทบทุนสร้างหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤติเด็ก รวมถึงการสนับสนุนทุนวิจัยด้านสุขภาพเด็กโรงพยาบาลในเขตเลสเตอร์และมหาวิทยาลัยเลสเตอร์
–ด้านคุณภาพชีวิต ซึ่งมูลนิธิวิชัย ศรีวัฒนประภา ได้จัดตั้งโครงการ ‘กิฟท์ ออฟ อะ วิช’ (Gift Of A Wish) ของขวัญแห่งความปรารถนา เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือหน่วยต่างๆ ในเมืองเลสเตอร์ และด้านกีฬา คุณวิชัยได้ก่อตั้ง ‘มูลนิธิแอลซีเอฟซี ฟ็อกซ์ ฟาวน์เดชั่น’ (LCFC Foxes Foundation) เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลน ต่อมา เพื่อรำลึก และสานต่อเจตนารมณ์ของการเป็นผู้ให้ที่ไม่หวังสิ่งใดตอบแทนของคุณวิชัย ซึ่ง ครอบครัวศรีวัฒนประภา ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘มูลนิธิวิชัย ศรีวัฒนประภา’ (Vichai Srivaddhanaprabha Foundation) ในปัจจุบัน
นอกเหนือจากการทำคุณประโยชน์ต่างๆ ให้กับชาวเมืองเลสเตอร์แล้ว ยังมีการบริจาคเพื่อการซ่อมแซม บูรณะ และสร้างวัดไทยในประเทศอังกฤษ, บริจาคเงินทุนเพื่อสนับสนุนค้นคว้าวิจัยความผิดปกติทางพันธุกรรมที่หายาก, สนับสนุนงาน The Royal Charity Polo Cup 2019 ที่ประเทศอังกฤษ…อีกด้วย
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้โลกต้องจากรึกและจดจำคือ “คุณวิชัย” บริหารงานและนำพาสโมสรเลสเตอร์ไปสู่ยุคที่รุ่งโรจน์ที่สุด ด้วยการนำทีมกลับมาโลดแล่นในการแข่งขันพรีเมียร์ ลีก จนคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2015/16 ที่สร้างปาฏิหารย์ในวงการฟุตบอลอังกฤษ
วิสัยทัศน์เหล่านี้ได้ถูกสานต่อโดย “คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ผู้สืบทอดตำแหน่งประธานสโมสร ในปี 2562 และสามารถนำทีมเลสเตอร์ คว้าแชมป์เอฟเอคัพ ฤดูกาล 2021 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรได้เช่นกัน
ล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สภาเมืองเลสเตอร์ เล็งเห็นในคุณประโยชน์และสิ่งต่างๆ ที่ครอบครัวศรีวัฒนประภา ทำให้กับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และชาวเมืองเลสเตอร์ จึงได้ลงมติในวาระพิเศษ พิจารณามอบ ‘รางวัลบุคคลยอดเยี่ยมแห่งเมืองเลสเตอร์’ (The City of Leicester Award) ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดรางวัลใหม่ ที่สภาเมืองเลสเตอร์มอบให้กับบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับชาวเมือง และให้ความช่วยเหลือสนับสนุนเมืองเลสเตอร์ด้วยดีเสมอมา โดยผู้รับรางวัลคนแรกคือ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานสโมสร และ คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรคนปัจจุบัน โดยพิธีมอบรางวัลอันทรงคุณค่านี้ จัดให้มีขึ้นในวันเปิด “อนุสาวรีย์คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา” เมื่อวันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ณ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
คราเดียวกันนี้ ยังได้มีการมอบรางวัลกิตติมศักดิ์แห่งเสรีภาพของเมือง ‘Honorary Freedom of the City’ ให้กับสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติสโมสรที่มีผลงานความสำเร็จด้านกีฬาและความมุ่งมั่นที่มีต่อชุมชนเลสเตอร์ โดยมอบรางวัลนี้ให้กับ แกรี่ ลินิเกอร์ อดีตนักฟุตบอลของเลสเตอร์ ซิตี้, อลัน เบิร์ชแนล “เดอะ เบิร์ช” รวมถึง “เดวิด” และ “ริชาร์ด เดวิด แอทเทนโบโรห์” อีกด้วย
คุณอัยยวัฒน์ กล่าวว่า “คุณพ่อมีความรักและความเชื่อมั่นในชาวเมืองเลสเตอร์ ท่านทุ่มเททั้งหัวใจให้กับเมืองเลสเตอร์ เพราะท่านเห็นถึงความเข้มแข็งของเมืองนี้ ที่ทุกคนพร้อมจะก้าวไปด้วยกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้ผมภูมิใจ นั่นคือสิ่งที่ผมยังคงก้าวไปพร้อมกับทุกคน เพื่อช่วยกันเติมเต็มวิสัยทัศน์เหล่านั้นในนามของคุณพ่อ….ผมจะทำอย่างเต็มที่เพื่อทุกคนในเมืองเลสเตอร์ ให้คู่ควรกับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ที่มอบให้กับผมและคุณพ่อของผม”
คุณซูซาน วีแลน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเลสเตอร์ ซิตี้ กล่าวว่า “ทุกคนที่สโมสรเลสเตอร์รู้สึกดีใจ และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่สามารถนำพาความสำเร็จ และความภาคภูมิใจมาสู่เมืองเลสเตอร์ สิ่งเหล่านี้ถูกปลูกฝังอยู่ในใจของชาวเลสเตอร์มาอย่างยาวนาน ขอขอบคุณนักเตะ ทีมงาน และผู้สนับสนุนทุกคนในความทุ่มเท มุ่งมั่น จนได้รับรางวัลเกียรติยศนี้ เราจะทำให้ดีที่สุดเพื่อเมืองของเราให้สมกับประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่ากว่า 138 ปี ของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และแน่นอนว่า เรื่องราวของเลสเตอร์ ซิตี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากขาดคุณวิชัย คุณอัยยวัฒน์ และครอบครัวศรีวัฒนประภา ที่นำวิสัยทัศน์มาสู่สโมสรและเมืองแห่งนี้ รวมถึงการอุทิศตนอย่างไม่ย่อท้อในการทำความฝันให้เป็นความจริง”
ทางด้าน “ดีพัค บาจาญ” นายกเทศมนตรีเมืองเลสเตอร์ กล่าวถึงความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ของเลสเตอร์ ซิตี้ และจิตวิญญาณของชุมชนที่ได้รับการเฉลิมฉลองในพิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติทั้งสองรางวัล ว่า “เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากกับความสำเร็จของเลสเตอร์ ซิตี้ ทั้งในสนามและนอกสนาม และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จของสโมสรในวันนี้ จึงได้มอบรางวัลกิตติมศักดิ์แห่งเสรีภาพของเมืองให้กับพวกเขา ซึ่งผลงานของสโมสรที่ทุกคนร่วมกันสร้างขึ้นมาทั้งนักเตะ ผู้ฝึกสอน โค้ช และทีมงานที่สนับสนุนสโมสรทุกคนจากจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน ผลงานเหล่านี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง พวกเรารับรู้ถึงการสนับสนุนและสานต่อวิสัยทัศน์และปณิธานในการลงทุนของคุณวิชัยอย่างต่อเนื่องในสโมสรและชุมชนเลสเตอร์ โดยคุณอัยยวัฒน์ ลูกชาย ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานสโมสรปัจจุบัน พวกเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะยกย่องให้ทั้งสองท่าน เป็นคนแรกที่ได้รับรางวัลบุคคลยอดเยี่ยมแห่งเมืองเลสเตอร์นี้ กีฬาเป็นจุดศูนย์รวมให้ทุกคนมารวมกัน และครอบครัวศรีวัฒนประภาได้สร้างความแข็งแกร่งและผลักดันให้ชุมชนเลสเตอร์เจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น”
ถือได้ว่า รางวัลอันทรงเกียรติที่ได้รับจากชาวเลสเตอร์ในวันนี้ เป็นสิ่งที่แสดงถึงความรัก และความเคารพยิ่งของชาวเลสเตอร์ ที่มีให้จิตวิญญาณของผู้ชายที่ได้รับการยกย่องว่า เป็น ‘The Boss ผู้ให้’ เสมอมา ซึ่งเป็นการถ่ายทอดจาก “คนเป็นพ่อ” สู่ “คนเป็นลูก” ที่ทำให้ชาวเลสเตอร์ต้องจดจำไปนานแสนนาน ถือเป็นการสร้างแรงบัลดาลใจอันยิ่งใหญ่ให้แก่ชาวเมือง ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ และเศรษฐกิจในเขตชุมชนเมือง ควบคู่ไปกับการทำให้เมืองเลสเตอร์นี้ เป็นที่ยอมรับในสายตาคนทั่วโลก
ที่สำคัญ…ถือเป็น “คนไทย” เพียงไม่กี่คน ที่ไปสร้างชื่อเสียงในต่างแดน และได้รับเกียรติที่ยิ่งใหญ่นี้ เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า หากเราตั้งใจทำอะไรจริงจัง การวางแผนบริหารธุรกิจที่ดี ควบคู่ไปกับการ “ให้” โดยมีผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นเป้าหมาย ความสำเร็จก็จะตามมา…