วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 5, 2024
spot_imgspot_img
หน้าแรกEXCLUSIVEThe Boss “ผู้ให้” จาก “พ่อ” สู่ “ลูก” บุคคลยอดเยี่ยมแห่งเมืองเลสเตอร์
spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

The Boss “ผู้ให้” จาก “พ่อ” สู่ “ลูก” บุคคลยอดเยี่ยมแห่งเมืองเลสเตอร์

กว่า 12 ปี ที่ “คิง เพาเวอร์” เข้าเป็นเจ้าของ สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และได้อุทิศตนเพื่อวงการกีฬาฟุตบอล และเพื่อช่วยเหลือพัฒนาชีวิตของคนในเลสเตอร์ โดย “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ และปาฏิหาริย์ของเมืองเล็กๆ นี้ จนกลายเป็นตำนานยิ่งใหญ่ระดับโลก

หากมองย้อนกลับไปเมื่อปี 2553 การเข้าซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ของคุณวิชัย ดูผิวเผินก็คงเป็นเพียงเรื่องธุรกิจ แต่ระยะเวลา บวกกับความตั้งใจทำงาน และความทุ่มเทที่มีให้กับสโมสรและเมืองเลสเตอร์ โดยในช่วงปี 2553-2561 ขณะดำรงตำแหน่งประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า “เขา” ทำมากกว่านั้น !!!

เพราะ “เขา” กลายเป็นที่เคารพรักของทุกคน ไม่เฉพาะแต่นักเตะ และทีมงานของสโมสร แต่ยังรวมไปถึงพลเมืองของเลสเตอร์อีกด้วย

เพราะ “เขา” มีส่วนร่วมในการสนับสนุนองค์กรต่างๆ และพัฒนาชุมชนหลายด้านในเมืองเลสเตอร์

ไม่ว่าจะเป็น…

-ด้านศาสนา ผ่านการบูรณะและฟื้นฟูวิหารของเมืองเลสเตอร์ การบูรณะหลุมศพของกษัตริย์ริชาร์ดที่ 3 ด้วยการสร้างศูนย์เฮอร์ริเทจ เซ็นเตอร์ แห่งใหม่ เพื่อใช้เป็นสาธารณประโยชน์

-ด้านสาธารณสุข โดยการสนับสนุนโรงพยาบาลเลสเตอร์ เพื่อยกระดับการบริการทางการแพทย์ให้ดียิ่งขึ้น และสมทบทุนสร้างหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤติเด็ก รวมถึงการสนับสนุนทุนวิจัยด้านสุขภาพเด็กโรงพยาบาลในเขตเลสเตอร์และมหาวิทยาลัยเลสเตอร์

ด้านคุณภาพชีวิต ซึ่งมูลนิธิวิชัย ศรีวัฒนประภา ได้จัดตั้งโครงการ ‘กิฟท์ ออฟ อะ วิช’ (Gift Of A Wish) ของขวัญแห่งความปรารถนา เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือหน่วยต่างๆ ในเมืองเลสเตอร์ และด้านกีฬา คุณวิชัยได้ก่อตั้ง ‘มูลนิธิแอลซีเอฟซี ฟ็อกซ์ ฟาวน์เดชั่น’ (LCFC Foxes Foundation) เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลน ต่อมา เพื่อรำลึก และสานต่อเจตนารมณ์ของการเป็นผู้ให้ที่ไม่หวังสิ่งใดตอบแทนของคุณวิชัย ซึ่ง ครอบครัวศรีวัฒนประภา ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘มูลนิธิวิชัย ศรีวัฒนประภา’ (Vichai Srivaddhanaprabha Foundation) ในปัจจุบัน

นอกเหนือจากการทำคุณประโยชน์ต่างๆ ให้กับชาวเมืองเลสเตอร์แล้ว ยังมีการบริจาคเพื่อการซ่อมแซม บูรณะ และสร้างวัดไทยในประเทศอังกฤษ, บริจาคเงินทุนเพื่อสนับสนุนค้นคว้าวิจัยความผิดปกติทางพันธุกรรมที่หายาก, สนับสนุนงาน The Royal Charity Polo Cup 2019 ที่ประเทศอังกฤษ…อีกด้วย

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้โลกต้องจากรึกและจดจำคือ “คุณวิชัย” บริหารงานและนำพาสโมสรเลสเตอร์ไปสู่ยุคที่รุ่งโรจน์ที่สุด ด้วยการนำทีมกลับมาโลดแล่นในการแข่งขันพรีเมียร์ ลีก จนคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2015/16 ที่สร้างปาฏิหารย์ในวงการฟุตบอลอังกฤษ

วิสัยทัศน์เหล่านี้ได้ถูกสานต่อโดย “คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ผู้สืบทอดตำแหน่งประธานสโมสร ในปี 2562 และสามารถนำทีมเลสเตอร์ คว้าแชมป์เอฟเอคัพ ฤดูกาล 2021 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรได้เช่นกัน

ล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สภาเมืองเลสเตอร์ เล็งเห็นในคุณประโยชน์และสิ่งต่างๆ ที่ครอบครัวศรีวัฒนประภา ทำให้กับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และชาวเมืองเลสเตอร์ จึงได้ลงมติในวาระพิเศษ พิจารณามอบ ‘รางวัลบุคคลยอดเยี่ยมแห่งเมืองเลสเตอร์’ (The City of Leicester Award) ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดรางวัลใหม่ ที่สภาเมืองเลสเตอร์มอบให้กับบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับชาวเมือง และให้ความช่วยเหลือสนับสนุนเมืองเลสเตอร์ด้วยดีเสมอมา โดยผู้รับรางวัลคนแรกคือ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานสโมสร และ คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรคนปัจจุบัน โดยพิธีมอบรางวัลอันทรงคุณค่านี้ จัดให้มีขึ้นในวันเปิด “อนุสาวรีย์คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา” เมื่อวันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ณ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ

คราเดียวกันนี้ ยังได้มีการมอบรางวัลกิตติมศักดิ์แห่งเสรีภาพของเมือง ‘Honorary Freedom of the City’ ให้กับสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติสโมสรที่มีผลงานความสำเร็จด้านกีฬาและความมุ่งมั่นที่มีต่อชุมชนเลสเตอร์ โดยมอบรางวัลนี้ให้กับ แกรี่ ลินิเกอร์ อดีตนักฟุตบอลของเลสเตอร์ ซิตี้, อลัน เบิร์ชแนล “เดอะ เบิร์ช” รวมถึง “เดวิด” และ “ริชาร์ด เดวิด แอทเทนโบโรห์” อีกด้วย

คุณอัยยวัฒน์ กล่าวว่า “คุณพ่อมีความรักและความเชื่อมั่นในชาวเมืองเลสเตอร์ ท่านทุ่มเททั้งหัวใจให้กับเมืองเลสเตอร์ เพราะท่านเห็นถึงความเข้มแข็งของเมืองนี้ ที่ทุกคนพร้อมจะก้าวไปด้วยกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้ผมภูมิใจ นั่นคือสิ่งที่ผมยังคงก้าวไปพร้อมกับทุกคน เพื่อช่วยกันเติมเต็มวิสัยทัศน์เหล่านั้นในนามของคุณพ่อ….ผมจะทำอย่างเต็มที่เพื่อทุกคนในเมืองเลสเตอร์ ให้คู่ควรกับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ที่มอบให้กับผมและคุณพ่อของผม”

คุณซูซาน วีแลน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเลสเตอร์ ซิตี้ กล่าวว่า “ทุกคนที่สโมสรเลสเตอร์รู้สึกดีใจ และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่สามารถนำพาความสำเร็จ และความภาคภูมิใจมาสู่เมืองเลสเตอร์ สิ่งเหล่านี้ถูกปลูกฝังอยู่ในใจของชาวเลสเตอร์มาอย่างยาวนาน ขอขอบคุณนักเตะ ทีมงาน และผู้สนับสนุนทุกคนในความทุ่มเท มุ่งมั่น จนได้รับรางวัลเกียรติยศนี้ เราจะทำให้ดีที่สุดเพื่อเมืองของเราให้สมกับประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่ากว่า 138 ปี ของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และแน่นอนว่า เรื่องราวของเลสเตอร์ ซิตี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากขาดคุณวิชัย คุณอัยยวัฒน์ และครอบครัวศรีวัฒนประภา ที่นำวิสัยทัศน์มาสู่สโมสรและเมืองแห่งนี้ รวมถึงการอุทิศตนอย่างไม่ย่อท้อในการทำความฝันให้เป็นความจริง”

ทางด้าน “ดีพัค บาจาญ” นายกเทศมนตรีเมืองเลสเตอร์ กล่าวถึงความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ของเลสเตอร์ ซิตี้ และจิตวิญญาณของชุมชนที่ได้รับการเฉลิมฉลองในพิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติทั้งสองรางวัล ว่า “เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากกับความสำเร็จของเลสเตอร์ ซิตี้ ทั้งในสนามและนอกสนาม และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จของสโมสรในวันนี้ จึงได้มอบรางวัลกิตติมศักดิ์แห่งเสรีภาพของเมืองให้กับพวกเขา ซึ่งผลงานของสโมสรที่ทุกคนร่วมกันสร้างขึ้นมาทั้งนักเตะ ผู้ฝึกสอน โค้ช และทีมงานที่สนับสนุนสโมสรทุกคนจากจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน ผลงานเหล่านี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง พวกเรารับรู้ถึงการสนับสนุนและสานต่อวิสัยทัศน์และปณิธานในการลงทุนของคุณวิชัยอย่างต่อเนื่องในสโมสรและชุมชนเลสเตอร์ โดยคุณอัยยวัฒน์ ลูกชาย ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานสโมสรปัจจุบัน พวกเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะยกย่องให้ทั้งสองท่าน เป็นคนแรกที่ได้รับรางวัลบุคคลยอดเยี่ยมแห่งเมืองเลสเตอร์นี้ กีฬาเป็นจุดศูนย์รวมให้ทุกคนมารวมกัน และครอบครัวศรีวัฒนประภาได้สร้างความแข็งแกร่งและผลักดันให้ชุมชนเลสเตอร์เจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น”

ถือได้ว่า รางวัลอันทรงเกียรติที่ได้รับจากชาวเลสเตอร์ในวันนี้ เป็นสิ่งที่แสดงถึงความรัก และความเคารพยิ่งของชาวเลสเตอร์ ที่มีให้จิตวิญญาณของผู้ชายที่ได้รับการยกย่องว่า เป็น ‘The Boss ผู้ให้’ เสมอมา ซึ่งเป็นการถ่ายทอดจาก “คนเป็นพ่อ” สู่ “คนเป็นลูก” ที่ทำให้ชาวเลสเตอร์ต้องจดจำไปนานแสนนาน ถือเป็นการสร้างแรงบัลดาลใจอันยิ่งใหญ่ให้แก่ชาวเมือง ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ และเศรษฐกิจในเขตชุมชนเมือง ควบคู่ไปกับการทำให้เมืองเลสเตอร์นี้ เป็นที่ยอมรับในสายตาคนทั่วโลก

ที่สำคัญ…ถือเป็น “คนไทย” เพียงไม่กี่คน ที่ไปสร้างชื่อเสียงในต่างแดน และได้รับเกียรติที่ยิ่งใหญ่นี้ เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า หากเราตั้งใจทำอะไรจริงจัง การวางแผนบริหารธุรกิจที่ดี ควบคู่ไปกับการ “ให้” โดยมีผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นเป้าหมาย ความสำเร็จก็จะตามมา

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img