คลัง-ธปท.-สมาคมธนาคารไทยเปิดตัว โครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” หวังแก้หนี้เสียรายย่อย ผ่านการตั้ง AMCวางแผน เฟสแรก ชุบชีวิตลูกหนี้ 1.2 ล้านราย
รายงานข่าวแจ้งว่า นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พร้อมด้วย นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้แทนสมาคมธนาคารไทย ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) และเปิดตัวโครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ซึ่งเป็นโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียรายย่อยผ่านกลไกการซื้อหนี้ของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) โดยมีเป้าหมายเพื่อลดภาระหนี้ของประชาชนและช่วยให้เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวต่อไปได้
นายเอกนิติ เปิดเผยว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาที่อยู่คู่สังคมไทยมานาน และหากปล่อยไว้นานต่อไป จะไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อชีวิตคนไทยและคนในครอบครัวของผู้เป็นหนี้จำนวนมาก รัฐบาลจึงได้ผลักดันโครงการนี้ให้เป็นหนึ่งในโครงการเรือธงภายใต้นโยบายลดภาระหนี้ของประชาชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Quick Big Win ที่มุ่งเน้นการกระตุ้นที่ให้ผลในระยะยาวและกระจายตัวในวงกว้าง
โครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” มุ่งเน้นการแก้ปัญหาหนี้เสีย (NPLs) ผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของ AMC โดยในระยะแรก โครงการจะครอบคลุมลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์และบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ ประมาณ 1.6 ล้านบัญชี หรือ 1.2 ล้านราย โดยบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) จะเข้าซื้อหนี้ของลูกหนี้กลุ่มเป้าหมาย เพื่อนำมาปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนให้สามารถกลับมาชำระได้อีกครั้ง
ลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับเงื่อนไขผ่อนปรนเป็นพิเศษ เช่น ยกเว้นดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมทั้งหมด พร้อม ลดยอดเงินต้นบางส่วน เพื่อให้สามารถปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น และกลับมามีประวัติชำระหนี้ที่ดีในเครดิตบูโรอีกครั้ง โดยมี 2 ทางเลือก ได้แก่1. จ่ายปิดจบ ชำระบางส่วนเพื่อปิดบัญชีในทันที 2. ผ่อนชำระ 3 ปี ดอกเบี้ย 0% หากทำตามเงื่อนไขที่กำหนด
โครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการดึงหนี้ออกจากสถาบันการเงินไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์เท่านั้น แต่ยังต้องการ “ชุบชีวิต” ลูกหนี้เหล่านั้นด้วย ซึ่งการช่วยเหลือจะเป็นไปอย่างยั่งยืนและจะกระจายตัวในหมู่มาก การดำเนินการจะรวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้ เช่น การตัดหนี้ตามความสามารถ, การลดหนี้, หรือการยืดหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้มี “ลมหายใจ” คล่องขึ้น
“โครงการนี้ช่วยลดภาระของระบบสถาบันการเงิน สร้างแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจหมุนเวียนได้อย่างยั่งยืน เมื่อประชาชนหลุดพ้นจากภาระหนี้ ก็จะสามารถกลับมาบริโภค ลงทุน เข้าถึงสินเชื่อได้ และดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคงมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย สิ่งสำคัญคือ เราไม่ได้เพียงช่วยให้คนคนหนึ่งไปต่อได้ แต่คือการช่วยให้ชีวิตของทั้งครอบครัวได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง” นายเอกนิติ กล่าว
สำหรับโครงการแก้ไขหนี้เสียนี้สามารถขับเคลื่อนได้สำเร็จภายในเวลาเพียง 1 เดือน ด้วยความร่วมมือจาก ธปท., สมาคมธนาคารไทย, SAM และบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (NCB) สะท้อนความตั้งใจของทุกภาคส่วนในการช่วยให้ลูกหนี้กลับมามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น พร้อมขอบคุณ NCB ที่เปิดโอกาสให้ลูกหนี้สามารถกลับเข้าสู่ระบบสินเชื่อได้อีกครั้ง หากมีวินัยทางการเงินที่ดี
สำหรับลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) จะได้รับการช่วยเหลือผ่านการโอนหนี้ให้บริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (Ari-AMC) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนเพิ่มเติมอีก 3.3 แสนบัญชี ภายใต้หลักการช่วยเหลือที่สอดคล้องกันกับโครงการหลัก
นายวิทัย กล่าวว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างสำคัญของประเทศ หากไม่เร่งแก้ไขจะกดดันเศรษฐกิจและกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน แม้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนจะลดลงจากกว่า 90% เหลือ 87% ของจีดีพี แต่ยังอยู่ในระดับสูง
โครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” จึงมุ่งช่วยลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสียไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งมีรวมประมาณ 3.4 ล้านราย หรือ 4.7 ล้านบัญชี คิดเป็นกว่า 60% ของหนี้เสียทั้งหมด โดยจะเริ่มจากหนี้ของธนาคารพาณิชย์และบริษัทลูก จำนวน 1.6 ล้านบัญชี ใช้เงินทุนจากส่วนที่เหลือของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF)
ซึ่ง SAM ซึ่งกองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้น 100% จะถูกปรับบทบาทให้เป็น “Social AMC” เพื่อดูแลสังคมและรายย่อยโดยไม่ได้มุ่งหวังกำไร การปรับโครงสร้างหนี้จะเป็นไปอย่างผ่อนปรนอย่างมาก โดยจะยกเว้น ค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยผิดนัดที่ค้างอยู่ทั้งหมด รวมถึงมีการลดเงินต้นในสัดส่วนที่สูง ลูกหนี้มีทางเลือกในการผ่อนชำระได้สูงสุดเป็นเวลา 3 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้
ทั้งนี้หากลูกหนี้สามารถชำระปิดจบได้ (มูลค่าหนี้เฉลี่ยต่ำกว่า 30,000 บาท) บัญชีจะเปลี่ยนเป็นรหัส 11 (ลูกหนี้ปกติ) ทันที หากผ่อนชำระ บัญชีจะเปลี่ยนเป็นรหัส 16 และจะกลับไปรหัส 11 เมื่อผ่อนหมด ซึ่งจะทำให้พวกเขากลับเข้าสู่ระบบสินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพได้โครงการนี้จะใช้กับ NPLs ที่ กำหนดวันตัดยอด ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 และ SAM จะเริ่มเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริงในวันที่ 1 มกราคม 2569
“ความมุ่งมั่นของ ธปท. ในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างนี้ โครงการนี้ไม่ใช่แค่การล้างหนี้ แต่คือการคืนโอกาสให้คนกลับมาใช้ชีวิตทางการเงินได้อีกครั้ง โดยธปท. เชื่อว่าการช่วยลูกหนี้รายย่อยให้ลุกขึ้นได้ จะสร้างพลังใหม่ให้ระบบเศรษฐกิจเดินต่ออย่างยั่งยืนเมื่อฐานรากมั่นคง เศรษฐกิจไทยก็จะเติบโตอย่างแข็งแรงและทั่วถึงมากขึ้น” นายวิทัย กล่าว
นายชาติศิริ กล่าวว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก พร้อมสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยจะร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อให้การช่วยเหลือลูกหนี้เกิดผลจริง และให้เพียงพอในการสนับสนุนและรองรับกับมาตรการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะถัดไป ซึ่งรวมถึงการปฏิรูปเพื่อยกระดับทักษะ (Up and Re-skill) และการรองรับระดับฝีมือแรงงานเพื่อนำไปสู่รายได้ที่สูงขึ้น รวมถึงการส่งเสริมการก่อหนี้ที่สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เพื่อให้คนไทยหลุดพ้นจากวงจรหนี้ เข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียมกัน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมั่นคง




































