นายกรัฐมนตรี เดินทางเยี่ยมทหารกล้าที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิดที่ศรีสะเกษ พร้อมให้กำลังใจและยืนยันรัฐบาลจะดูแลเต็มที่ รวมถึงส่งเทคโนโลยีขาเทียมช่วยให้กลับมาใช้ชีวิตและปฏิบัติหน้าที่ได้เหมือนเดิม ท่ามกลางความเศร้าใจและน้ำตาคลอของนายกฯ แสดงถึงความห่วงใยต่อทหารกล้าอย่างแท้จริง
เมื่อเวลา 19.25 น. วันที่ 11 พ.ย.68 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์มายังโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจทหารกล้าที่ได้รับบาดเจ็บ 4 นาย จากเหตุเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวนบริเวณห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ทหารที่ได้รับบาดเจ็บประกอบด้วย
จ.ส.อ.เทอดศักดิ์ สมาพงษ์ ตำแหน่งสนาม ผบ.มว.ปล. บาดเจ็บข้อเท้าขวาขาด
พลทหารวชิระ พันธะนา พลกระสุนที่ 2 บาดเจ็บจากแรงอัดระเบิด
พลทหารอภิรักษ์ ศรีชมไชย พลยิง M203 ได้รับสะเก็ดระเบิดเข้าที่น่องขาขวา 2 รู
พลทหารอนุชา สุจารี พลปืนเล็ก มีฝุ่นหรือสารเคมีจากระเบิดเข้าตา

ทันทีที่เดินทางถึง นายกรัฐมนตรีได้เข้าเยี่ยม จ.ส.อ.เทอดศักดิ์ ที่หอผู้ป่วยวิกฤต พร้อมจับไหล่และให้กำลังใจด้วยสีหน้าเศร้า น้ำตาคลอเบ้า พร้อมสอบถามอาการบาดเจ็บและให้คำมั่นว่า “เจ็บหรือไม่ ไม่ต้องห่วง จะดูแลทุกอย่างอย่างดีที่สุด จัดให้อย่างดีที่สุด” ก่อนย้ำว่าทหารที่เสียขาเทียมจะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่และสามารถกลับเข้ารับราชการต่อไป
นายอนุทินยังกล่าวถึงเทคโนโลยีขาเทียมสมัยใหม่ว่า สามารถช่วยให้ทหารวิ่งและใช้ชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงของจริง พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาและเข้าเยี่ยมทหารอีก 3 นายที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
นายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเยี่ยมทหารว่า ทหารกลัวว่าจะไม่ได้รับขาเทียมและต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่รัฐบาลยืนยันดูแลเต็มที่ เพราะ “เสียสละเพื่อบ้านเมืองขนาดนี้ จะไม่ปล่อยให้เจ็บฟรี” พร้อมยืนยันว่าทหารทุกคนปลอดภัยดี

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่าการปกป้องศักดิ์ศรีของทหารเป็นหน้าที่ของรัฐบาล และได้พูดคุยกับญาติของทหารเพื่อให้มั่นใจว่าการรักษาและการสนับสนุนต่าง ๆ จะดำเนินต่อเนื่อง พร้อมชื่นชมความเสียสละและความกล้าหาญของทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างสมศักดิ์ศรี
ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ นายอนุทินกล่าวเพียงสั้น ๆ ถึงน้ำตาที่ปรากฏขณะเยี่ยมทหารว่า “คนเราก็มีความรู้สึก ขอให้ถามเรื่องงานดีกว่า” พร้อมชี้มือไปที่ตนเองว่า คนที่เจ็บกว่าคือรัฐบาล แต่มั่นใจว่าทหารทุกนายจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด




































