วันพุธ, ตุลาคม 16, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSคำร้องรุกฆาตเชือด“ทักษิณ-เพื่อไทย” ด่านแรก...ลุ้น“ศาลรธน.”จะ“รับ-ไม่รับ”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

คำร้องรุกฆาตเชือด“ทักษิณ-เพื่อไทย” ด่านแรก…ลุ้น“ศาลรธน.”จะ“รับ-ไม่รับ”

เส้นทางคดีในคำร้องคดีที่ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ยื่นคำร้องตามช่องทางมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อขอ “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัยวินิจฉัยสั่งการให้ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้ถูกร้องที่ 1 และ “พรรคเพื่อไทย” ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพ อันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฯ รวมถึงร้องให้ศาลสั่ง “ทักษิณ” เลิกพฤติกรรมเลิกครอบงำพรรคเพื่อไทย และสั่งพรรคเพื่อไทย เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแต่ครอบงำ

สุดท้ายแล้ว คดีจะจบอย่างไร จะลุกลามบานปลาย จนกลายเป็นคำร้อง “คดียุบพรรคเพื่อไทย” ตามรอย “คดียุบพรรคก้าวไกล” หรือไม่ และจะส่งผลร้ายแรงทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทย ถึงขั้นอาจถูกยุบพรรคจน “อิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯในฐานะ “หัวหน้าพรรคเพื่อไทย” ต้องโดน “ตัดสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้งสิบปี” ที่ก็คือ ต้องหลุดจาก “นายกรัฐมนตรี” จนต้องเปลี่ยนตัว “ผู้นำประเทศ” เปิดทางให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขึ้นเป็นนายกฯ แทนได้หรือไม่

ด่านแรก…ที่ต้องลุ้นก็คือ “ศาลรัฐธรรมนูญ” จะรับคำร้องดังกล่าวไว้วินิจฉัยหรือไม่ ???

ที่ก็ต้องดูกันว่าในสัปดาห์นี้ พุธที่ 16 ต.ค. คำร้องดังกล่าว จะถูกเสนอเข้าที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ…ทันหรือไม่ หรือว่าจะต้องเลื่อนไปสัปดาห์หน้า แต่ข่าวบางกระแสบอกว่า อาจจะเข้าไม่ทันในสัปดาห์นี้ เพราะเป็นคำร้องคดีใหญ่ เกี่ยวพันกับตัวนายกฯ และพรรคเพื่อไทย พรรคแกนนำรัฐบาล อีกทั้งรายละเอียดในคำร้องมีค่อนข้างมาก ทางตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอาจขอเวลาในการพิจารณาสำนวนคำร้องพอสมควร แนวโน้มอาจเป็นสัปดาห์หน้า

แต่ข่าวบางกระแส ให้ข้อมูลอีกทางว่า ไม่แน่อาจเข้าสัปดาห์นี้เลยก็ได้ เพราะว่ามีการยื่นไปตั้งแต่ 10 ต.ค. เท่ากับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีเวลาร่วมหนึ่งสัปดาห์ในการที่จะอ่านคำร้อง

ทั้งหมด จึงต้องรอดูผลการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่จะออกมา คือ…

หนึ่ง ดูก่อนว่า คำร้องจะเข้าที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า

สอง หากเข้าสัปดาห์นี้ ก็ต้องรอลุ้นกันว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องไว้วินิจฉัยหรือไม่ หรือจะไม่รับคำร้อง และผลการลงมติออกมาอย่างไร ?

โดยหากที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงส่วนใหญ่…“ไม่รับคำร้อง” ทักษิณ-เพื่อไทย ที่แม้แกนนำพรรคจะออกมาด้อยค่าคำร้องดังกล่าวของ “ธีรยุทธ” ทำนอง “ไม่ให้ราคา” และแสดงความมั่นใจในการสู้คดี ไม่ได้วิตกกังวลอะไร แต่ลึกๆ ก็คงลุ้นเหมือนกันว่า ไม่อยากให้รับคำร้อง เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปสู้คดี และไม่ต้องคอยลุ้นผลคำตัดสินที่จะออกมา โดยหาก ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง “เพื่อไทย” ก็คงร้องเฮในใจ ที่ไม่ต้องมีอะไรให้กังวล

แต่ถ้าที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก เห็นควร “”ให้รับคำร้องไว้วินิจฉัย” ก็ถือว่า “งานเข้า” สำหรับ “ทักษิณ-เพื่อไทย”

เพราะจะทำให้ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ตกเป็น “ผู้ถูกร้องในศาลรัฐธรรมนูญ” ที่มีพันธะ-ภาระในการต้องสู้คดี เพื่อไม่ให้ ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า “ทักษิณ-เพื่อไทย” มีพฤติการณ์ตามคำร้อง เช่น

หากผลคำวินิจฉัยออกมาว่า การที่ทักษิณใช้พรรคเพื่อไทย เป็นเครื่องมือควบคุม การบริหารราชการแผ่นดินสั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่ตัวเอง จนได้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อไม่ต้องรับโทษอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว เป็นการฝ่าฝืนไม่น้อมรับโทษจำคุกในเรือนจำตามพระบรมราชโองการ ถือเป็นการกระทำของทักษิณฯ ที่ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทและหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ส่งผลให้เกิดการเซาะกร่อน บ่อนทำลายพระเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์

หรือหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ทักษิณมีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการพรรคเพื่อไทย ในการเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือการเสนอบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 ที่บ้านพักส่วนตัวของทักษิณ หรือบ้านจันทร์ส่องหล้าฯ โดยที่ “ทักษิณ” ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย

ถ้าหากผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาไม่เป็นคุณกับ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ในประเด็นใดประเด็นหนึ่งหรือหลายประเด็น ในคำร้องเดียวกันนี้ที่ยื่นไป 6 ประเด็น ก็จะมีผลทางการเมือง-ทางคดีตามมาทันที เพราะจะทำให้ “ฝ่ายธีรยุทธ-พลังประชารัฐ” ใช้คำวินิจฉัยดังกล่าว ยื่นร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้กกต. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ “ยุบพรรคเพื่อไทย-ตัดสิทธิการลงเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลาสิบปี”

โดยหากศาลรัฐธรรมนูญเกิดวินิจฉัยในทางที่เป็นลบกับ “เพื่อไทย” คือมีคำสั่งให้ยุบพรรคเพื่อไทย-ตัดสิทธิลงเลือกตั้ง กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยขึ้นมา นั่นหมายถึง “แพทองธาร ชินวัตร” ก็ต้องหลุดจากนายกฯ ต้องเว้นวรรคการเมืองสิบปี-เพื่อไทยโดนยุบพรรค ต้องย้ายสส.ไปสังกัดพรรคใหม่ และทำให้ “ชัยเกษม นิติศิริ” แคนดิเดตนายกฯคนสุดท้ายของเพื่อไทย ก็หมดสภาพไปด้วย เพราะเพื่อไทยโดนยุบพรรคแล้ว

ซึ่งถ้าพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ยังเคาะเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่น ก็ทำให้โอกาสที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลที่มีสส.มากที่สุดเป็นอันดับสอง จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ชนิดเรียกว่า “นอนมา” เลยทีเดียว

……………………………………..

คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง

โดย “พระจันทร์เสี้ยว” 

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img