แค่คำพูดของ มหาไพรวัลย์ ที่ว่า “สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นบิดาของคณะสงฆ์ตั้งแต่เมื่อไร”
บรรดามหาเถรสมาคม นับตั้งแต่ สังฆราช ลงมา จนถึง เจ้าคณะหนใหญ่ เจ้าคณะภาค “หากอาสนะเก้าอี้ไม่ร้อน อาสนะไม่สะเทือน ก็ไม่รู้จะมีไว้ทำไม”
@หลายปีมานี้ “สังคมสงฆ์ถูกรังแก ปู้ยี้ปู้ยำ” โดยอ้างชนชั้นสูง หลายครั้งหลายคราด้วยกัน ทั้ง ๆ ที่จริงหรือเปล่าก็ยังพิสูจน์ไม่ได้
เรื่องนี้แม้แต่พระสมเด็จบางรูปก็บอกว่า “ไม่จริง”
เป็นเพียงการดำเนินการของกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งมาแทนที่ “กลุ่มตู้กระจก” อันยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลในอดีตเท่านั่น
สังคมสงฆ์เสียบุคลากรผู้มีวิสัยทัศน์ คนเก่ง คนมีความรู้ อย่าง พระพรหมสิทธิ พระพรหมดิลก หรือแม้กระทั้ง พระพรหมเมธี ไปแบบน่าเสียดาย
การเสียบุคลากรเหล่านี้จากสังคมสงฆ์ ส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตการพัฒนากิจการพระพุทธศาสนาในประเทศไทยและนานาชาติไปอย่างน่าเสียใจ
ทุกวันนี้สังคมสงฆ์จึงถูกวิจารณ์ว่า “เหมือนผู้ป่วยติดเตียง พิการ” รอวันเผาแค่นั้น
แต่คณะสงฆ์ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากชนชั้นไพร่ มาจากชนบทอันมีวัฒนธรรม ยอมจำนนต่ออำนาจ สุดท้ายก็ “ยอมทน” และมีบางรูปยอมทรยศหวัง “สิ่งตอบแทน” ด้วยใช่หรือไม่ !!
@หลายปีมานี้รัฐใช้กลไกทางกฎหมายดำเนินการปิดปาก ปิดบทบาท ของคณะสงฆ์ อย่างกว้างขวาง ไล่พระออกจากป่า ทุบสำนักสงฆ์ ปิดสถานีวิทยุธรรมะ มหาเถรสมาคมรู้หรือไม่
กรณีพระมหาไพรวัลย์ เป็นตัวอย่าง แม้จะอธิบายหลักการทางพระธรรมวินัย แต่หากรัฐมองว่า “นอกคอก” จากแนวคิดของรัฐ บุคคลนั้น “มักถูกเก็บ” แบบนี้เสมอมา
@พระสังฆราช ตั้งอยู่ในฐานะ “สังฆบิดร” ย่อมหมายถึง พ่อของพระภิกษุทั้งปวงในประเทศนี้ จะไม่สอบถามความเป็นมา หรือสอบถามทุกข์สุขของลูก ที่ถูกรังแกบ้างหรือ
ทั้ง ๆ ที่บางรูป บางท่านอธิบายหลักการพระพุทธศาสนาตามพระธรรมวินัย แต่งกลอนสอนสังคม แนะนำให้ตั้งอยู่ในหลักธรรม ก็ถูก “สั่งห้าม”
กรณี..พระมหาไพรวัลย์หากท่านอธิบายผิด..อันนั้นต้องเรียกมาแนะนำ อบรม ให้พูดตามหลักพระวินัย พระธรรม ให้ถูกต้องตามที่มีอยู่จริง
บรรดาเจ้าคณะหนใหญ่ บรรดามหาเถรสมาคม ทุกวันนี้ พวกท่านจะไปภูมิใจอะไรกับตำแหน่ง และยศถาบรรดาศักดิ์ ท่ามกลางความทุกข์ของผู้น้อย และยศถาบรรดาศักดิ์ก็มิใช่เป้าหมายของการบวชในพระวินัยของสมณโคดม
คนยุคใหม่บางคนเห็นสิ่งนี้แล้ว “เยาะเย้ย เหยียดหยามด้วยซ้ำไปกลายเป็นของคนในสังคมล้าหลัง” พระคุณเจ้าไปมีความสุขหรือภูมิใจอะไรกับ แค่เป็นคนใช้ของรัฐ มีศักดิ์ศรีต่ำกว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่เขาสั่งให้พระคุณเจ้าทำอะไร รายงานอะไรก็ต้องทำตาม
สุดท้ายอนาคตวงการสงฆ์ก็เป็นแค่กรมหนึ่งของหน่อยงานภาครัฐ ดีไม่ดีต่ำกว่าสถานะของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติด้วยซ้ำไป ที่มีสถานะเทียบเท่ากรม สังกัดสำนักงานนายกรัฐมนตรี
มหาเถรสมาคมจะไปภูมิใจอะไรกับอยู่ภายใต้คำสั่งการของสำนักงานพระพุทธศาสนา
@ ไหนบอกว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นแค่ เด็กวัด
หรือทุกวันนี้เด็กวัดพ่นพิษ กุมความลับอะไรของพวกพระคุณเจ้าเอาไว้
จึงปล่อยให้ สั่งการ สอบสวน คนภายใต้ดูแลของพวกพระคุณเจ้า อะไรก็ได้ ??
วันนี้ขอส่งสารถึง กรรมการมหาเถรสมาคม สักวัน เผื่อได้สติและปัญญากลับคืนมาสู่สังคมไทย ในสถานะผู้นำทางจิตวิญญาณ
……………………………..
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย “เปรียญ10” : [email protected]