โควิด-19 แพร่ระบาดแค่ระลอก 3 ยังเล่นเอาประชาชนทุกข์ระทม รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ ไม่นับร่วม Fake news หรือข่าวปลอมถูกแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย อาทิ Facebook-Twitter-Instagram-Line
โดยเฉพาะข่าวจริงที่เป็นกระแสในสังคม ถูกบิดเบือนข้อมูลบางคีย์เวิร์ด อ้างอิงแหล่งข่าวระดับตัวพ่อ เพื่อผลิตเนื้อหาโฆษณาชวนเชื่อ โน้มน้าว ชักจูงมวลชน ล็อคเป้าหมายโจมตีทำลายฝ่ายตรงข้าม
จนผู้รับสารยากที่จะแยกแยะข้อมูลว่าจริงหรือเท็จ สร้างความสับสนอลหม่านให้กับสังคม
แค่ปม Fake news วัคซีนยังสะเทือนถึงอำนาจของ “รัฐบาลประยุทธ์”
ฉะนั้นไม่แปลกใจที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งดูแลความมั่นคงทุกมิติ ออกอาการ “น็อตหลุด” ไม่พอใจขบวนการปล่อย Fake news สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นกับประชาชน
ถึงขั้นขึงขังกำชับให้แต่ละกระทรวงสอดส่อง หากมีข่าวปลอมเกิดขึ้น ให้แต่ละหน่วยงานรีบออกมาชี้แจงตอบโต้ทันควัน และหากกระทำความผิดให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการทันที
ยิ่งสถานการณ์โควิดบานไม่หุบ “ขออย่าให้มีปัจจัยอื่นแทรกซ้อนเข้ามา” นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค.เตือนประชาชนอย่างห่วง
เช่นเดียวกับนพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ สะท้อนให้เห็นถึงสงครามยังไม่จบ แต่ “ขณะนี้บุคลากรแพทย์ พยาบาล ทำงานหนักหรือโหลดมาก”
รวมถึงระดับเจ้าสำนักใหญ่ของวงการแพทย์ ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล, ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ รามาธิบดี ม.มหิดล, ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ต้องออกแรงช่วยชาติ วางยุทธศาสตร์การฉีดวัคซีน และป้อนข้อมูลความรู้เกี่ยวกับวัคซีนสื่อสารถึงประชาชน
แต่ยังหยุดขบวนการปล่อย Fake news ไม่ได้ เพราะมันกลายพันธุ์รวดเร็วกว่าไวรัสโควิดเสียอีก
แม้ “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เด้งรับคำสั่งนายกฯ จัดการกับคนปล่อย Fake news โดยให้จนท.แจ้งความเอาผิดกับแพลตฟอร์มทีวีสาธารณะ
หากจำกันได้ดีอีเอส เคจผุดศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ สุดท้ายก็ไม่สามารถหยุด “ไวรัส Fake news”
“ราษฎรเต็มขั้น” ขอเสนอให้รัฐบาลต้องกล้าเอาผิดตามกฎหมายไทย กับแพลตฟอร์มต่างชาติที่ปล่อยให้แพลตฟอร์มของตัวเองถูกใช้เป็นเครื่องมือปล่อยข่าว Fake news
เหมือนเกิดขึ้นในยุโรป โดยเฉพาะในประเทศเยอรมัน กำหนดให้เจ้าของแพลตฟอร์มลบข่าว Fake news ภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นต้อง “จ่ายค่าปรับ” เกือบ 20 ล้านบาท ฐานปล่อย Fake news อยู่บนแพลตฟอร์มของตัวเอง ขอย้ำว่า…ต้องเน้นลงโทษทางแพ่งปรับอัตราสูง
เพราะระบบหลังบ้านทุกแพลตฟอร์มสามารถบริหารจัดการ ปล่อยผ่านหรือเบรกข้อความหรือห้ามไม่ให้ผู้ใช้โพสต์ได้ ถ้าทำผิดเงื่อนไข
เช่น การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งล่าสุด Facebook-Twitter-Instagram ต่างบล็อกบัญชีโดนัลด์ ทรัมป์ 24 ชั่วโมง เพราะใช้เป็นช่องทางปลุกระดม เกิดจลาจลหลายจุด
ทำไมรัฐเยอรมันกล้าทำ ทำไมเจ้าของแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่กล้าบล็อกข้อความการปลุกระดม
แล้วทำไมรัฐบาลไทยจะไม่ทำบ้าง เพื่อหยุดเชื้อไวรัส Fake news
………………………………..
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย “ราษฎรเต็มขั้น”
